มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นมาปิดในแดนบวก (ดัชนี DJIA +0.30% S&P500 +0.97% และ Nasdaq +1.45%) จาก
1) ราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลง (-4.63%) หลังมีรายงานว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์เปิดรับการเจรจากับอิสราเอลเพื่อทำข้อตกลงในการหยุดยิง และ
2) แรงสนับสนุนจากแรงซื้อหุ้น Growth stock นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (+2.12%) หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวลงเล็กน้อย ส่งผลให้ต้นทุนในการกู้ยืมลดน้อยลง อีกทั้งราคาหุ้นที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เกิดการกลับมาช้อนซื้อหุ้นกลุ่ม Magnificent 7
แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเผชิญกับความผันผวนในเดือนต.ค. จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และ บอนด์ยีลด์ที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งใกล้เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (5 พ.ย.)
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า Fed จะสามารถนำเศรษฐกิจลงจอดแบบ Soft landing ได้ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย. ออกมาแข็งแกร่ง
จับตารายงานตัวเลขดัชนี CPI-Core CPI สหรัฐฯ เดือนก.ย. และ รายงานการประชุมของ FOMC ในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) ซึ่งจะกระทบต่อทิศทางตลาด และ นโยบายการเงินของ Fed รวมถึงการเปิดเผยดัชนี PPI สหรัฐฯ เดือนก.ย. และ ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร (JPMorgan Chase และ Wells Fargo) 3Q24 ในวันศุกร์นี้ (11 ต.ค.)
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะพักฐาน แกว่ง Sideway up บริเวณ 1,445 – 1,465 จุด โดยเราเชื่อว่าตลาดจะได้รับแรงสนับสนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ก่อนการรายงานผลประกอบการ 3Q24 ในสัปดาห์หน้า และ นักลงทุนสถาบันช่วยพยุง SET ไว้ รวมถึงแรงขายสุทธิต่างชาติที่ลดลง
ด้าน World bank ยังคงคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้จะเติบโต 2.4% (vs. 1.9% ใน 2023) จากมาตรการกระตุ้นการส่งออก การท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน ที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H24 รวมถึงคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะชะลอตัวสู่ระดับต่ำสุดในภูมิภาคที่ 0.7% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-3%
อย่างไรก็ตาม ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เนื่องจาก ตลาดคาดว่าแค่ในพื้นที่เชียงใหม่ กระทบต่อเศรษฐกิจแล้วกว่า 5 พันล้านบาท โดยนอกจากภาคการท่องเที่ยวและการให้บริการแล้ว ธุรกิจกลุ่มค้าปลีก-สินค้า อาจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงเช่นกัน หากสถานการณ์น้ำท่วมยังคงสร้างความเสียหายให้แก่หลายครัวเรือน
ในส่วนของบจ. AEONTS รายงานกำไรสุทธิใน 2Q24/25 ที่ 822 ล้านบาท (-2.4% yoy, +57% qoq) สูงกว่าที่ตลาดคาด เนื่องจาก NIM และ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เสียที่ดีขึ้น จากการควบคุมต้นทุนทางการเงินที่ดี
ซึ่งตลาดคาดว่าผลประกอบการจะยังคงสดใสต่อใน 2H24/25F จากความพยายามในการตัดจำหน่ายภายใน และ แรงสนับสนุนจากโครงการแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล
ทำให้เราเชื่อจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาหุ้นกลุ่ม Finance ก่อนมีการประกาศงบ
• หุ้นแนะนำ
SAWAD :
เราเชื่อว่าโครงการแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล จะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจากความสะดวกในการชำระเงิน และ การเข้าถึงบริการทางการเงิน จะช่วยลดหนี้เสียของบริษัทได้ อีกทั้ง ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์
เราเห็นแนวโน้มที่ดีจากงบดุลของ SAWAD ประกอบด้วยอัตราการสำรองหนี้สูญ และ อัตราการเกิด NPL ใหม่ที่ค่อนข้างต่ำใน 2Q24 หลังบริษัทเดินหน้าเคลียร์งบดุลตั้งแต่ 2Q23
(Take profit : 43.25 / Stop loss : 40.00)
SIRI :
เราเชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ
SIRI สามารถจำหน่ายเงินลงทุนใน Standard International Holdings ที่ราคาไม่เกิน 355 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2024 และ เรามองว่าธุรกิจอสังหาฯ ของ SIRI จะ outperform คู่แข่ง อีกทั้ง บริษัทยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงในปี 2024-25
(Take profit : 1.95 / Stop loss : 1.80)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon