CGSI : Trend Spotter

14

มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวร่วงลงต่อเนื่อง โดยดัชนี DJIA -410 จุด S&P500 -54 จุด และ Nasdaq -296 จุด นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ (Nvidia -2.8% Apple -2.2% Meta Platforms -3.2% และ Amazon -2.6%) จากแรงกดดันของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ 10 ปี ที่พุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 4.25% ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด

อีกทั้ง รายงานตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ เดือนก.ย. ที่ลดลงสู่ระดับ 3.84 ล้านยูนิต ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะทรงตัวจากเดือนส.ค. ที่ระดับ 3.88 ล้านยูนิต ทำให้ตลาดกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับ sentiment ลบจากแรงขายหุ้นของ McDonald’s (-5.1%) หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) รายงานว่ามีการระบาดของเชื้อ E. coli ที่เกี่ยวข้องกับแฮมเบอร์เกอร์ของบริษัท เป็นสาเหตุให้มีผู้ป่วยจำนวน 10 ราย และ เสียชีวิต 1 ราย

ความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามา (5 พ.ย.) ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน เนื่องจากผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงคะแนนเสียงที่สูสีกันของทั้งคู่ โดยแม้ว่าก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าทรัมป์มีคะแนนนำ อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสล่าสุด เปิดเผยว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำอยู่ที่ 46% ต่อ 43%

ด้าน EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นที่ระดับ 5.5 ล้านบาร์เรล สูงกว่าตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 แสนบาร์เรล ส่งผลให้เมื่อวานนี้ (23 ต.ค.) ตลาดน้ำมันกลับมาปิดลบที่ 1.4%

วันนี้ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อย่างรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) และ ยอดขายบ้านใหม่ เดือนก.ย. รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนต.ค. ของทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ เพื่อประเมินทิศทางของตลาดต่อไป

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งผันผวนบริเวณ 1,460-1,480 จุด มองจุดเข้าสะสมหุ้นไทยใหม่ที่บริเวณ 1465 จุด
แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ร่วงลงมาต่อเนื่องเป็นวันที่สามจะยังคงเป็น sentiment ลบต่อตลาดหุ้นไทย

ติดตามรายงานผลประกอบการ 3Q24 ของ DELTA และ TRUE พรุ่งนี้ (25 ต.ค.)

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 2 ข่าวสำคัญต่อไทย ได้แก่
1) IMF คงคาดการณ์ GDP โลกปีนี้เติบโตที่ระดับ 3.2% ไปจนถึงปี 2025 อีกทั้ง ได้ปรับขึ้นคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ของสหรัฐฯ (+2.8% ปี 24, +2.2% ปี 25) และ ปรับลดคาดการณ์สำหรับจีน (+4.8% ปี 24, +4.5% ปี 25) ญี่ปุ่น (+0.3% ปี 24, +1.1% ปี 25) กลุ่มยูโรโซน (+0.8% ปี 24, +1.2% ปี 25) รวมถึงไทย (+2.8% vs. ก่อนหน้าที่ +2.9% ปี 24, +3.0% vs. ก่อนหน้าที่ +3.1% ปี 25)

2) จับตาการมาไทยของ CEO Nvidia ในเดือนธ.ค. หลังรัฐบาลเปิดเผยว่าบริษัทมีแผนเตรียมลงทุนในไทย ร่วมกับ Alphabet บริษัทแม่ Google และ Microsoft เพื่อผลักดันให้ไทยกลายเป็นฮับด้าน Data Center และโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้

• หุ้นแนะนำ
WHA : เราเชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และ การเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติด้าน Data center-Cloud region จะเป็นประโยชน์ต่อ WHA นอกจากนี้ เราคาดว่าการขายที่ดินของ WHA จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยจะอยู่ที่ 1,458 ไร่ ใน 2H24F และ เราคาดว่าการขายที่ดินในปี 2024F จะเป็นไปตามประมาณการของเราและเป้าหมายของบริษัทที่ 2,500 ไร่

(Take profit : 5.80 / Stop loss : 5.46)

ERW : เราเชื่อว่า ERW เป็นหนึ่งในบริษัทที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดหากรัฐบาลเปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟสใหม่เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่ง ERW เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick ของกลุ่มโรงแรมใน 2H24 เพราะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในประเทศสูงและมีการประเมินมูลค่าน่าสนใจกว่าคู่แข่งในประเทศ

(Take profit : 4.16 / Stop loss : 3.88)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon