EPG เผยไตรมาส 2 ปีบัญชี 67/68 (ก.ค.-ก.ย.67) ยอดขาย 3,606 ล้านบาท เติบโตที่ 9% และกำไรสุทธิที่ 135 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 6 สตางค์ 9 ธ.ค.นี้

30

มิติหุ้น  –  รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2     ปีบัญชี 67/68 (ก.ค.-ก.ย.67) บริษัทมียอดขาย 3,606 ล้านบาท ซึ่งเป็นนิวไฮ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ  ปีก่อน ที่มียอดขาย 3,299 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 9.3% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34.6% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่     30 – 33% และ มีกำไรสุทธิที่ 135 ล้านบาท ลดลง 68.8% เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว และบริษัท     มีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 97 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงานตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มียอดขาย 1,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าในไตรมาสนี้จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยม รวมทั้งสินค้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ ระบบ Air Ducting system ทั้งนี้ ยอดขายในสหรัฐอเมริกาโดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าโครงการ ได้แก่ กลุ่ม SemiConductorCloud/ และยานยนต์ เป็นต้น ขณะที่ยอดขายในญี่ปุ่น และ ASEAN เติบโตดีขึ้น สำหรับยอดขายในประเทศปรับตัวดีขึ้นตามการลงทุนภาคเอกชน

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มียอดขาย 1,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากคำสั่งซื้อสินค้าใหม่จากค่ายยานยนต์ญี่ปุ่นซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีใน     ปีบัญชีนี้ Aeroklas ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโต โดยมุ่งเน้นผลิตสินค้านวัตกรรมที่มีน้ำหนักเบาซึ่งเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งรถยนต์สันดาป และ รถยนต์ EV

ในขณะที่ธุรกิจในออสเตรเลียมียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะตลาดที่ดีขึ้น และรับรู้รายได้จากการซื้อกิจการร้านค้าปลีก TJM ต่อจากตัวแทนจำหน่าย รวม 5 แห่ง เมื่อ 1 พ.ย.66

สำหรับในไตรมาสนี้กลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มียอดขาย 626 ล้านบาท ลดลง 0.5% จากภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด มีจุดเด่นจากมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก./ GMPHACCPBRC และ FSC (Forest Stewardship Council) จึงเป็นที่ไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเลือกให้เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก    

บริษัทมีต้นทุนขายสินค้า เพิ่มขึ้น 6.3จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ช้ากว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขาย บริษัทได้จัดหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตในหลายประเทศเพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยจากราคาวัตถุดิบมีราคาเหมาะสม สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 27.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาจาก ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จากธุรกิจในออสเตรเลีย โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายพนักงาน และ การเช่าอาคาร นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายในการจัดส่งของแอร์โรคลาสและ แอร์โรเฟลกซ์ ที่เพิ่มขึ้น

อัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลีย บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 25 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง 30 ล้านบาท และเป็นขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 230 ล้านบาท

บริษัทมีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ที่ 97 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากรายการลูกหนี้การค้าของบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าให้แก่ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อสำคัญจากค่ายยานยนต์รายใหญ่ในมูลค่าที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นขั้นตอน ในไตรมาสนี้ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ สามารถแก้ไขปัญหาในกระบวนการผลิตจาก Red flag ให้เป็น Green flag เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจากับ Supply chain ทั้งหมด

นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 92 ล้านบาท มาจาก   ผลประกอบการของ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งในและต่างประเทศรศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อ     12 พ.ย.67 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด 30 ก.ย. 67 ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท (หกสตางค์) รวมเป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 168 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 พ.ย.67 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ ธ.ค.67

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ ALP Aeroflex India Private Ltd. (“AAI”) (บริษัทร่วม) ดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อนักลงทุน (Offer For Sale by Promotors หรือ OFS) และการนำหุ้นของ AAI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอินเดีย ทั้งนี้ เมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อนักลงทุนของ AAI และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอินเดียแล้ว บริษัทจะดำเนินการตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกำหนดต่อไป

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon