มิติหุ้น – เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นต่อเนื่องเพราะได้ชื่อของ Scott Bessent ซึ่งจากประวัติแล้วเคยรับตำแหน่งผู้บริหารกองทุน Hedge Fund ที่ดูแลสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนในสหรัฐฯจึงได้คาดหวังนโยบายที่จะกระตุ้นตลาดหุ้น ด้านการเคลื่อนไหวอื่นๆพบว่า Dollar Index อ่อนค่าลงเล็กน้อย พร้อมกับการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ทั้งนี้เมื่อคืนมิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ จึงมองการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้และ Dollar Index เป็นการแกว่งทั่วไป ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงเล็กน้อย (-0.2%) พร้อมกับนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิราว 2 พันล้านบาท โดยเช้านี้เงินบาทพลิกมาอ่อนค่าทดสอบ 34.7 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันกระแสเงินทุนต่างชาติเมื่อประกอบกับราคาน้ำมันดิบ BRT ที่ปรับฐาน 2.87% จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานและ SET INDEX แต่อย่างไรก็ตามยังคาดหวังการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยในช่วง
ถัดไปหนุนจากสถิติเดือน ธ.ค. ที่ 5 ปีย้อนหลังให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.5% และเดือน ม.ค. เฉลี่ยให้ตอบแทน 0.3% ประกอบกับเศรษฐกิจไทยกำลังค่อยๆฟื้นตัวหนุนจากการบริโภค การลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยว ซึ่ง Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่า GDP 4Q24 จะขยายตัวได้ 3.6%YoY เร่งขึ้นจาก 3Q24 ที่ 3%YoY วันนี้ประเมิน SET INDEX ย่อตัวกรอบ 1435 – 1440 รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวลง 1.1% และยังเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มน้ำมันตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐาน พร้อมกับเสี่ยงเผชิญแรงกดดันจากกระแสเงินทุนไหลออกจากเงินบาทที่อ่อนค่า ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะสั้นที่รับความเสี่ยงได้อาจเก็งกำไรในกลุ่มโรงไฟฟ้า
(BGRIM GPSC) ปัจจัยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลงพร้อมกับราคาน้ำมันที่ปรับลง กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ปัจจัยหนุน Bond Yield ปรับลดลง กลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก (AOT BJC CPALL CRC MINT) ปัจจัยหนุนฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปี โดยเช้านี้รอติดตามตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ Bloomberg คาดการณ์มูลค่าส่งออกขยายตัว 5.1%YoY และนำเข้าขยายตัว 6.4%YoY พร้อมกับขาดดุลการค้า 402 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนต่างประเทศคืนนี้รอติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากสถาบัน CB และยอดขายบ้านมือหนึ่งของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 111.8 , 7.25 แสนหลังคาเรือนตามลำดับ
TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท)
แม้ต้องแลกมาด้วยการชะลอตัวของสินเชื่อในระยะสั้น แต่การควบคุมหนี้เสียที่ดีขึ้นได้ส่งผลบวกในระยะยาว ทั้งภาระสำรองหนี้ฯ ชะลอตัว และการเติบโตของกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง เราคาดว่า ROE เป็นขาขึ้นในปี 2025-26 ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างบริษัทเป็น Holding company ทำให้การบริหารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และลดแรงกดันจากการออกหุ้นเพิ่มทุน และผลกระทบจาก Dilution effect คาลตัวลง
SAV (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท)
ปัจจัยบวกจากการเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานดำเนินการบริการด้านการเดินอากาศเพียงรายเดียวในประเทศกัมพูชา ผ่านบริษัทลูกอย่าง แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส (CATS) ซึ้งธุรกิจการบินในกัมพูชายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากทั้งจากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว หรือการเข้ามาของผู้ประกอบการสายการบิน นอกจากนี้ในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตจากการเข้าไปบริหารการเดินอากาศในประเทศลาวเพิ่มอีกแห่ง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon