มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.28% ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัวเนื่องจากนักลงทุนมองบวกว่าอย่างน้อยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนก็ต่ำกว่าที่ Trump เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.27% หลังจากมีรายงานมาว่าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ได้ตกลงหยุดยิง
เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้รายงานการส่งออกไทยเดือน ต.ค. +14.6%YoY แม้จะหักสินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ อาวุธ ก็ยังขยายตัวได้ 11%YoY และมูลค่าสูงสุดในรอบ 19 เดือน ปัจจัยหนุนหลักมาจากการขับเคลื่อนในสินค้ากลุ่ม Technology โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบที่เติบโตระดับสูง นอกจากนี้หลายประเทศยังมีการเร่งนำเข้าเครื่องจักรสำหรับการผลิต และวัตถุดิบเกี่ยวกับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบกับสินค้าเกษตรในตลาดโลกเติบโตขึ้น รายละเอียดภายในพบว่า อาหารสัตว์เลี้ยง +18%YoY อาหารทะเลกระป๋องแปรรูป +26%YoY (+ ITC TU) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ +77%YoY (+ HANA) ยางพารา +32%YoY (+ NER STA) อย่างไรก็ตามรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (-16%YoY) (- AH SAT) สำหรับสหรัฐฯเมื่อคืนได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากสถาบัน CB พบว่าใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ อย่างไรก็ตามรายงานยอดขายบ้านมือหนึ่งต่ำกว่าที่ Bloomberg คาดการณ์ สำหรับความเชื่อมั่นรายละเอียดภายในพบว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นและสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดแรงงาน ในส่วนของกลุ่มอายุพบว่าความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงอายุที่ต่ำกว่า 35 ปี พร้อมกับประเมินว่าความกังวลเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯอยู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. 22 เมื่อถามถึงแผนการซื้อบ้านผู้บริโภคระบุว่าลดลงเล็กน้อย แต่แผนการซื้อรถยนต์กลับสูงขึ้นและมีแผนจะออกท่องเที่ยวมากขึ้น โดยสรุปแล้วสะท้อนถึงความมั่นใจต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เป็นผลให้ CME FED Watch เริ่มมองถึงโอกาสในการคงดอกเบี้ยมากขึ้น (ล่าสุดน้ำหนักคงดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 42%) อีกปัจจัยได้แก่สงครามในตะวันออกกลางล่าสุดพบว่านายกรัฐมนตรีของอิสราเอลจัดแถลงข่าว โดยระบุว่าคณะรัฐมนตรีความมั่นคงได้ให้การอนุมัติข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แล้วและในขั้นตอนต่อไปจะเรียกประชุมเพื่อปูทางไปสู่การยุติทำสงคราม มองเป็นลบกับกลุ่มน้ำมันแต่เป็นบวกกับตลาดหุ้นโลกในภาพรวมและมีหุ้นได้ประโยชน์อย่างโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) ค้าปลีก (BJC CPALL) ตามต้นทุนที่ลดลง วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวกรอบ 1430 – 1445 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์ยังแนะสะสมเพราะคาดหวังการฟื้นตัวช่วงถัดไปหนุนจากเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวพร้อมกับกระแสเงินจากสถาบันในประเทศจากเม็ดเงินลดหย่อนภาษี เน้นที่กลุ่มอิงในประเทศ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT SAV) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC SAWAD)
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 87.00 บาท)
CPN มีกำไรสุทธิงวด 3Q24 ที่ 4,126 ล้านบาทดีกว่าที่เราคาดไว้ 5% โดยทรงตัวจากปีจากผลดีของกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากรายได้จากยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นได้กว่า 7% แต่ลดลง 9%QoQ มีปัจจัยลบจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 340 ล้านบาท และยอดโอนอสังหาริมทรัพย์ลดลง สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q24 เรายังมีมุมมองเดิมที่คาดว่าในแง่รายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท)
ธุรกิจค้าปลีกอาหาร (41% ของยอดขายรวม) มียอดขาย 2.3 หมื่นล้านบาท (+12%YoY) ใน 3Q24 ผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย Go Wholesale และมีขยายสาขา Go Wholesale เพิ่มอีก 2 สาขาใน 3Q24 แม้ว่า SSSG กลุ่มค้าปลีกอาหารที่ -1%YoY (ไทย +1 และ เวียดนาม -3%) EBITDA สำหรับธุรกิจค้าปลีกอาหารลดลง YoY เป็น 1.6 พันล้านบาท (-14%YoY) ผลจากค่าใช้จ่ายการขยายสาขา Go Wholesale
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon