มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ย.) ปิดบวก หลังเปิดทำการเพียงครึ่งวันเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า นำโดยแรงสนับสนุนของหุ้น 1) กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (Lam Research +3.2%, Nvidia +2.2%, iShares Semiconductor ETF +1.3%) หลังมีรายงานว่าการพิจารณามาตรการในการจำหน่ายอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ให้กับจีนของสหรัฐฯ อาจไม่ได้รุนแรงเท่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ และ 2) กลุ่มค้าปลีก ขานรับการเข้าสู่ช่วง Black Friday
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความคาดหวังว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp สู่ระดับ 4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์และการที่พรรครีพับลิกันได้ครองอำนาจในสภาครองเกรสแบบเบ็ดเสร็จ
ความกังวลนี้ ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำปรับตัวเพิ่ม 1.6% อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่าหลังจากนั้น Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนม.ค. และ มี.ค. 2025
ดังนั้น จากนี้ ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เพื่อหาแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed เพิ่มเติม โดยสัปดาห์นี้ ติดตาม
1) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. (2 ธ.ค.)
2) ตำแหน่งว่างงานเปิดใหม่จาก JOLTS เดือนต.ค. (3 ธ.ค.)
3) การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจาก ADP และ ดัชนี PMI ภาคการบริการ เดือนพ.ย. (4 ธ.ค.) และ
4) รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง การจ้างงานนอกภาคการเกษตร และ อัตราการว่างงาน เดือนพ.ย. (6 พ.ย.)
รวมถึง สุนทรพจน์ของนายพาวเวลล์ ประธาน Fed และ การประชุม OPEC+ ในวันที่ 5 ธ.ค.
นอกจากนี้ จับตาประเด็นการเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS ในการพัฒนาสกุลเงินสำรองใหม่ ซึ่งอาจลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในระบบการเงินโลก โดยล่าสุดว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกมาเตือนว่าหากทำเช่นนั้น สหรัฐฯ จะตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากกลุ่ม BRICS 100% ซึ่งอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการค้าในอนาคต
• SET Index : เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,410-1,450 จุด จับตาทิศทางฟันด์โลด์ต่างชาติ และ รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ย. (6 ธ.ค.) ที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 1.20% (vs. เดือนต.ค. +0.83%)
รวมถึง ประเด็นที่สหรัฐฯ ตัดสินเบื้องต้นเป็นครั้งที่สองที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่จาก 4 ประเทศในอาเซียนรวมถึงไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะทำการตัดสินครั้งสุดท้ายในวันที่ 18 เม.ย. 2025 ขณะที่สำนักงานการค้าระหว่างประเทศจะสรุปผลการตัดสินในวันที่ 2 มิ.ย. และ ตลาดคาดว่าจะประกาศคำสั่งสุดท้ายในวันที่ 9 มิ.ย.
นอกจากนี้ ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนรับมือน้ำท่วมจากฝนตกหนักในช่วง 3-5 ธ.ค. โดยล่าสุด รัฐบาลเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม เพื่อรับเงินเยียวยา 9,000 บาท
สำหรับประเด็น SET50/SET100 เราคาดการณ์รอบ 1H25 (อิงข้อมูล ณ วันที่ 25 ต.ค. 2024)
• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ได้แก่ BANPU SAWAD COM7 CCET
หุ้นที่คาดว่าจะออก ได้แก่ BCP CENTEL EA TIDLOR
• สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะเข้า ได้แก่ JTS CCET COCOCO PR9
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะออก ได้แก่ MBK RBF TIPH TOA
โดยเราคาดว่าตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 13-18 ธ.ค. 2024 ของรอบ 1H25 (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2025)
• หุ้นแนะนำ
BCH : ราคาของ BCH underperform คู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ YTD จากความกังวลเรื่องที่ผู้ป่วยจากคูเวตมีจำนวนลดลงและการปรับลดค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงของสปส. (Adj.RW>2) แต่เราเชื่อว่าทั้งสองประเด็นน่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้
(Take profit : 18.1 / Stop loss : 15.2)
WHA : เราคาดว่า 4Q24 จะเป็นไตรมาสที่ WHA ทำกำไรสุทธิสูงสุดในปี 2024 จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขายสินทรัพย์ให้กับ WHAIR อีกทั้ง เราเชื่อว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังมีอุปสงค์แข็งแกร่งและรายได้ประจำกำลังเพิ่มขึ้น
(Take profit : 5.90 / Stop loss : 5.55)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon