หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ต่างปรับตัวตามทิศทางการเปลี่ยนของนวัตกรรม ความต้องการของผู้บริโภค และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่หวังเปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างรากฐานในธุรกิจใหม่ให้แข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสการแข่งขันในอนาคต หลังเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิตอล
ปัจจุบันเริ่มเห็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทย ศึกษาและลงทุนด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง
เฉกเช่น บมจ.ปตท. หรือ PTT ประกาศชัดเจนว่านอกจากลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียม ขายน้ำมัน ขายกาแฟ ขายไฟฟ้าแล้ว ยังมุ่งหน้าลงทุนพัฒนา Electricity Value Chain และ Smart City & Property Development สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน หรือ Energy Storage รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อพิจารณาประมูลรถไฟความเร็วสูง
ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตไฟฟ้า ปรับตัวโดยเจาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า โครงการบ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน หน่วยงานภาครัฐ เพื่อติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป พร้อมบริหารจัดการไฟฟ้าและขายไฟฟ้าให้โดยตรง
ขณะที่ บมจ.บ้านปู หรือ BANPU เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ปรับตัวรองรับการเปลี่ยนในอนาคต ด้วยการเดินหน้าสู่ผู้นำธุรกิจพลังงานแบบครบวงจร ซึ่งได้จัดตั้ง บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี่ จำกัด ต่อยอดธุรกิจไฟฟ้าสู่ระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน เช่น การพัฒนาลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน ระบบจัดการพลังงานภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ที่เน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
การปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ยังไม่สามารถวัดกันได้ว่ารากฐานธุรกิจใหม่ใครจะแข็งแกร่ง ใครจะเจ๊งหรือใครจะเจ๋ง เพราะระยะทางอีกยาวไกล แต่ถ้าไม่ปรับ ก็จะตกเทรนด์
“บิ๊กเซ็ต”