มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาปิดในแดนบวก จากแรงสนับสนุนของหุ้นกลุ่มเทคฯ (Magnificent 7) อีกทั้ง ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปิดทำการเพียงครึ่งวัน ก่อนปิดทำการในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) เนื่องในวันหยุดเทศกาลคริสมาสต์
แม้ว่ารายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. จะเพิ่มขึ้น 37,000 ยูนิต สู่ระดับ 6.64 แสนยูนิต สูงกว่าตลาดคาดที่ 6.6 แสนยูนิต แต่รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. จาก CB ที่ระดับ 104.7 ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดที่ 112.9 (vs. เดือนพ.ย. 112.8) และ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. ที่ลดลง 1.1% (vs. เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.8%) เป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในช่วงแรก
สำหรับตลาดหุ้นภูมิภาค แม้ว่า GDP 3Q24 ของอังกฤษ จะขยายตัว 0% qoq, 0.9% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.1% qoq, 1.0% yoy (vs. 2Q24 0.4% qoq, 0.7% yoy) แต่ดัชนี FTSE100 ยังคงมีแรงสนับสนุนจากหุ้นกลุ่ม Healthcare และ พลังงาน ให้ตลาดหุ้นอังกฤษปิดในแดนบวก
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวบริเวณ 1,380-1,395 จุด ตาม sentiment บวกตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเราคาดว่า SET จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดต่างประเทศ อาทิ สหรัฐฯ และ อังกฤษ จะเปิดทำการเพียงแค่ครึ่งวัน ก่อนวันหยุดคริสต์มาส (25 ธ.ค.)
ประเด็นสำคัญที่กระทบต่อเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) ได้แก่
1) บอร์ดไตรภาคีมีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน ซึ่งจะเริ่ม 1 ม.ค. 2025 เฉพาะ 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง และ 1 อำเภอ คือ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ มีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 380 บาท สำหรับอ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา, ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 372 บาท สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด และ ค่าแรงขั้นต่ำใน 67 จังหวัดที่เหลือเพิ่มขึ้น 2%
2) ด้านตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ที่รัฐบาลประกาศให้ปีหน้าเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายปี 2025 นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 40 ล้านคน ส่วนเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวไทยตั้งไว้ที่ 200 ล้านคน-ครั้ง รายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท (เติบโต 7.5%) ด้านททท. คาดหยุดยาวปีใหม่จะมีเงินสะพัด 6.2 หมื่นล้านบาท จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 4.41 ล้านคน-ครั้ง และ นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.6 ล้านคน
ติดตามการประชุมครม. วันนี้ โดยจะมีการพิจารณาประเด็นสำคัญอย่างโครงการ Easy e-receipt คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบราว 3-5 หมื่นลบ. และ โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ราว 4 หมื่นลบ. ที่หอการค้าไทยระบุว่าทิศทางเศรษฐกิจของไทยในปีหน้าจะชัดเจนขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้ในช่วง 2Q25 รวมถึงโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่จะทำให้การประหยัดการจ่ายดอกเบี้ยราว 2-2.5 หมื่นลบ. ไปเป็นเม็ดเงินในการจับจ่ายใช้สอย เพื่อประเมินว่าเศรษฐกิจไทย 2025 จะเติบโตตามคาดการณ์ในกรอบ 2.8-3.2% ได้หรือไม่
นอกจากนี้ ติดตามการนัดหารือสมาชิกของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กรณีความโปร่งใสของCPAXT ที่เข้าลงทุนใน HATF
• หุ้นแนะนำ
MINT : เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ underperform น่าจะเป็นเพราะตลาดรับรู้ว่าผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนตัวลง เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพราะเชื่อว่าผลกำไรที่เติบโตรายไตรมาสและสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งทั้งของยุโรปและไทยน่าจะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
(Take profit : 27.25 / Stop loss : 25.25)
SIRI : เราคาดว่าปีนี้ SIRI จะทำกำไรสุทธิสูงสุดใน 4Q24 ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจอสังหาฯ และไม่มีขาดทุนจาก The Standard โดยเรายังแนะนำ “ซื้อ” เพราะมองว่าธุรกิจอสังหาฯ ของ SIRI จะ outperform คู่แข่งและบริษัทยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงในปี 2024-25
(Take profit : 1.84 / Stop loss : 1.71)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon