SET Index หัวทิ่มหัวตำ นอกจากปัจจัยต่างประเทศความไม่แน่นอนนโยบายการค้าสหรัฐของ “โดนัลด์ ทรัมป์” แล้ว รอบนี้ยังได้รับผลร้ายจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอย่างหนัก ภายหลังมีหุ้นหลายตัวถูกฟอร์ซเซล ได้สร้างSentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้น ลุกลามไปยังหุ้นบัญชีมาร์จิ้น เสี่ยงจะถูกฟอร์ซเซลอีก
แม้ว่าทางฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซียพลัส ทำการวิเคราะห์ MARGIN คงค้างทั้งหมดในระบบ มีไม่มากเพียง 2.51 แสนล้าน บาท คิดเป็นสัดส่วน 1.4% ของ MARKET CAP ทั้งตลาดฯ 17 ล้านล้านบาท และถ้าวิเคราะห์มูลค่า BLOCK TRADE คงค้างล่าสุด หรือ ณ 10 ม.ค. 68 พบว่า มีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58% ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยทั้งหมดของตลาดในปีนี้
แม้สัดส่วนโดยรวมของหุ้นที่วางหลักประกัน กับมูลค่า BLOCK TRADE จะมีไม่มาก แต่สภาวะตลาดที่มูลค่าซื้อขายเบาบาง อาจทำให้หุ้นที่มีจำนวนหุ้นที่วางMARGIN ต่อ จำนวนหุ้นทั้งหมดในระดับสูง และมี BLOCK TRADE ในระดับสูงมีโอกาสที่จะผันผวน มากกว่าหุ้นตัวอื่นๆได้
ติดอาวุธลงทุนให้กับรายย่อย
กูรูลงทุนแวดวงตลาดทุน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยหากวิเคราะห์เฉพาะปัจจัยในประเทศ นอกจากจะเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างแล้ว ยังเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยถูกสั่นคลอนอย่างหนัก เพราะนับตั้งแต่เคส MORE ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาที่ดีเพียงพอ ทำให้ลุกลามไปยังหุ้นตัวอื่นๆ โดยผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นเอาหุ้นไปจำนำจนสูญเสียความเป็นเจ้าของ และได้กระทบต่อฐานะการเงินของโบรกเกอร์อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็น SABUY YGG และลุกลามต่อมายัง RS ซึ่งแรงฟอร์ซเซลยังไม่สะเด็ดน้ำ และน่าจะมีหุ้นอีกหลายตัวที่จะสำแดงอาการตามมา เพียงแต่ขณะนี้ปัญหาถูกซุกอยู่ใต้พรม รอวันระเบิดออกเท่านั้น
แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ประกาศเฮียริ่ง รื้อเกณฑ์บัญชีมาร์จิ้น แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว น้ำไม่น่าจะทันดับไฟที่กำลังลุกลาม ช่วงระหว่างรอมาตรการแก้ปัญหาระยะยาว หน่วยงานกำกับทั้งSET และก.ล.ต. ต้องเร่งออกมาตรการระยะสั้นเพื่อบรรเทาปัญหาคือการเติมสภาพคล่องให้กับระบบ โดยเฉพาะผู้ลงทุนรายย่อย เพราะน่าจะเป็นนักลงทุนกลุ่มเดียวที่แบกตลาด ในภาวะที่ไม่สามารถคาดหวังกับนักลงทุนต่างชาติ และไม่สามารถพึ่งหวังกับนักลงทุนสถาบันในประเทศได้
การเติมสภาพคล่องที่ว่า คือ การผ่อนคลายหลักเกณฑ์วางหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้น จากก่อนหน้านี้เข้มงวดอย่างมากนับตั้งแต่หุ้น MORE เพื่อให้นักลงทุนได้มีแรงลงทุน ช่วยต่อลมหายใจให้กับรายย่อย ให้มีกำลังในการลงทุน เพราะตลาดหุ้นปัจจุบัน มีหุ้นราคาถูกพื้นฐานดีเต็มกระดาน มีหุ้นกว่า 600 ตัวที่พบว่า ราคาเฉลี่ยปรับลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หากนักลงทุนมีสภาพคล่องเท่ากับว่าติดอาวุธการลงทุนให้กับรายย่อยให้มีกำลังเข้ามาลงทุนหุ้นได้
ขณะเดียวกันควรปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ โดยอาจยังคงซิลลิ่งที่ระดับ 30% แต่ในส่วนของฟลอร์ควรจะขยับเพดานให้เหลือ 15% เพื่อลดความร้อนแรงของตลาด ซึ่งจะทำในระยะเวลาสั้นๆ เหมือนที่เคยนำมาใช้ในสถานการณ์ไม่ปกติตอนวิกฤตโควิด
“มาตรการทั้งหลายตลท.ควรรีบพิจารณาโดยด่วน อีกสิ่งหนึ่งที่คาดว่าจะช่วยสร้างsentiment เชิงบวกให้กับตลาดหุ้นระยะนี้คือ Trading Alert นั้น ในส่วนของมาตรการระดับ 1 หรือ T1 นั้น อาจร่นระยะเวลาให้สั้นลง และในส่วนของมาตรการระดับ 2 และ 3 นั้น อาจงดเว้นไปก่อน โดยมาตรการเหล่านี้ย้ำว่าทำเพียงชั่วคราว ในภาวะที่ตลาดหุ้นขาดความมั่นใจและลดความตึงเครียดของตลาดโดยรวม เมื่อวิกฤตศรัทธาคลี่คลาย ค่อยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon