CGSI : Trend Spotter

16

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลต่อแนวโน้มที่ Fed จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลง สนับสนุนให้ดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ร่วงลงมากว่า 13bp สู่ระดับ 4.65% ทำให้มีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่ม Growth stock (Tesla +8.0%, Nvidia +3.4%)

โดยดัชนี CPI สหรัฐเดือนธ.ค. เติบโต 2.9% yoy สอดคล้องกับที่ตลาดคาด (vs. เดือนพ.ย. +2.7%) ขณะที่ Core CPI เติบโต 3.2% yoy ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะคงเดิมจากเดือนพ.ย. ที่ +3.3%

ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารขนาดใหญ่อย่าง JPMorgan Chase (+2.0%), Goldman Sachs (+6.0%), Wells Fargo (+6.7%), Citi Group (+6.5%) ที่เริ่มรายงานผลประกอบการ 4Q24 ออกมาสดใส

ความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยลงของ Fed ที่มากขึ้น กอปรกับข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษเดือนธ.ค. ที่ชะลอตัวเช่นกัน (+2.5% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะคงเดิมจากเดือนพ.ย. ที่ +2.6%) ยังเป็น Sentiment บวกให้ตลาดหุ้นอื่น รวมถึงราคาทองคำ (+1.3%) ปรับตัวขึ้นมา

โดยล่าสุดรองประธาน ECB ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับมติของธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp สู่ระดับ 5.75% เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย

ขณะที่ด้าน BOJ ระบุถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อญี่ปุ่นยังคงขยายตัว โดยการประชุมครั้งถัดไปจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า (24 ม.ค.)

วันนี้ ติดตามการประชุมของธนาคารกลางเกาหลีใต้ ที่ตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.00% หลังอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ รวมถึงจับตารายงานยอดขายปลีกสหรัฐและดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย รวมถึง GDP เดือนพ.ย. ของอังกฤษ

ด้านราคาน้ำมัน WTI ดีดขึ้นมาปิดบวกที่ +3.3% หลัง EIA รายงานตัวเลขสต็อกสินค้าน้ำมันดิบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2022 ที่ 413 ล้านบาร์เรล ขณะที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 9.9 แสนบาร์เรล รวมถึงมีแรงสนับสนุนจากมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานรัสเซียรอบใหม่ของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมันที่ตึงตัว แม้จะมีรายงานว่าอิสราเอล-ฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีผล 17 ม.ค.

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,345-1,365 จุด โดยมีแรงสนับสนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของสหรัฐที่ชะลอตัว สนับสนุนแนวโน้มที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น รวมถึงปัจจัยบวกในประเทศ ที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง Easy E-receipt จะเริ่มขึ้นวันนี้เป็นวันแรก ภายใต้เงื่อนไขการใช้งานที่แตกต่างจากปีที่แล้ว โดยเรามองว่าเงื่อนไขของโครงการในปีนี้มีข้อจำกัดที่จะทำให้ร้านค้าปลีกอาจเผชิญกับการเติบโตของ SSSG ใน 1Q25 ชะลอตัวลง จากฐานสูงในปีที่แล้ว

ประเด็นสำคัญตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) ก.ล.ต. ได้ออกมาระบุว่าไม่มีแนวคิดที่จะยกเลิก การอนุญาตให้ทำธุรกรรม Short sell โดยมองว่ายังมีความจำเป็นต่อตลาดหุ้นไทย แต่อาจมีมาตรการเสริม ขณะที่จะประเมินผลและทบทวนการใช้เกณฑ์ Uptick rule ซึ่งมองว่าส่วนหนึ่งเป็นแรงกดดันให้วอลุ่มตลาดลดลง กรณีหุ้นถูก Force Sell จากการที่ผู้บริหารนำหุ้นไปจำนำ ทาง ก.ล.ต. จะเร่งออกมาตรการเปิดเผยข้อมูลจำนำหุ้น ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1Q25

• หุ้นแนะนำ
CRC : เราคาดว่า CRC จะมี EPS เติบโต 15% ในปี FY25 ขณะที่มาตรการ Easy E-receipt ของรัฐบาลที่จะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก (16 ม.ค.-28 ก.พ.) อาจช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
(Take profit : 35.50 / Stop loss : 33.00)

ADVANC : เราแนะนำหุ้นกลุ่ม Defensive Play ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนและอยู่ภายใต้ปัจจัยกดดันต่างๆ ซึ่งราคาของ AIS outperform ดัชนี SET ถึง 33.4% ในปี 2024 เราจึงเชื่อว่าการประเมินมูลค่าที่ EV/EBITDA 8.6x และ P/E 22.7x ในปี 2025 น่าจะรับรู้ผลดีจากการแข่งขันที่ลดลงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์แล้ว รวมถึง EPS ที่คาดจะเติบโต 5.4-21.2% ในปี FY24-26
(Take profit : 292 / Stop loss : 281)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon