Pi Daily คาดหวังตลาดหุ้นไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุด ขณะที่ Valuation มิได้แพง

15

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 703 จุด (+1.65%) หลังจากสหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.6% ปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ รวมทั้งคาดว่าอุปทานน้ำมันโลกจะมีผลกระทบจากสหรัฐฯคว่ำบาตร

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (CPI) พบว่าในส่วนของตัว CPI หรือเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว 2.9%YoY , 0.4%MoM เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้พอดี อย่างไรก็ตามกับตัว Core CPI หรือเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่นำราคาอาหารและพลังงานมาพบว่าขยายตัว 3.2%YoY , 0.2%MoM ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 3.3%YoY , 0.3%MoM รายละเอียดภายในพบว่าสินค้าที่ราคาลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนได้แก่ พลังงาน (-0.5%YoY) น้ำมันเตา (-13%YoY) ส่วนที่เร่งขึ้นมาอย่างมีนัยยะได้แก่ค่าขนส่ง (+7.3%YoY) ที่อยู่อาศัย (+4.6%YoY) ดังนั้น หากสหรัฐฯต้องการควบคุมเงินเฟ้ออาจจำเป็นต้องกดราคาพลังงานลงเพราะเงินเฟ้อจะลดลงได้ทั้งราคาพลังงานและค่าขนส่ง ซึ่งเราเชื่อว่าภายใต้ประธานาธิบดีอย่าง Trump ไม่อยากจะเห็นเงินเฟ้อสหรัฐฯสูงหรือดอกเบี้ยคงระดับสูง ผลดีต่อเศรษฐกิจคือเงินเฟ้อต่ำและดอกเบี้ยต่ำ จึงแนะติดตามทิศทางการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯจากนี้รวมไปถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

แต่ทั้งนี้นักลงทุนดูค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อทิศทางดอกเบี้ย สะท้อนผ่านการปรับลงอย่างมีนัยยะของ US Bond Yield ทั้งรุ่นอายุ 2 , 10 ปี แต่อย่างไรก็ตาม CME FED Watch ยังไม่เปลี่ยนน้ำหนักมากนัก ยังคงประเมินว่าทั้งปี 25 FED จะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจากนี้ก็รอติดตามพัฒนาการด้านเงินเฟ้อและตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐฯ หากเงินเฟ้อลดลงพร้อมกับตัวเลขเศรษฐกิจชะลอลงเล็กน้อยแต่ไม่ถึงขนาดวิกฤต แต่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ และ FED ค่อยๆลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยที่ดีต่อตลาดหุ้น ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวมาได้ค่อนข้างดี (+0.96%) รับแรงซื้อจากสถาบัน (ซื้อสุทธิ 1.9 พันล้านบาท) ส่วนหนึ่ง เราเชื่อว่านักลงทุนสถาบันบางส่วนเริ่มมองถึง Valuation ที่ไม่แพงของหุ้นไทยเมื่อประกอบกับ US Bond Yield เริ่มลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นไทยและหากการแถลงของ Trump มิได้รุนแรงจนเกินไป ตลาดหุ้นไทยคงค่อยๆฟื้นตัวได้และมีหวังที่ Fund Flow จะไหลกลับมาซื้อสุทธิบ้าง วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1345 – 1365 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะสะสมได้เช่นเดิม ณ โซนนี้ของ SET ด้วย Valuation ไม่แพง เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) การเงิน (MTC SAWAD) ศูนย์การค้า (CPN) แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นกลุ่มธนาคารอาจมีแรงกดดันเล็กน้อย ส่วนการเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ปัจจัยหนุนน้ำมันปรับขึ้น

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
แนวโน้มกำไร 4Q24 จะเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว การเพิ่มสัดส่วนสินค้าประเภท Ready-to-eat และ Ready-to-drinks รวมถึงสินค้าใหม่ๆจาก SME โดยแนวโน้ม SSSG ช่วง QTD ของ 4Q24 ยัง +1% ถึง +3%

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 87.00 บาท)
สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q24 เรายังมีมุมมองเดิมที่คาดว่าในแง่รายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ทั้งนี้เรามีการปรับประมาณการปี 24 เล็กน้อยโดยคาดกำไรสุทธิที่ 16,620 ล้านบาท (+10%YoY) โดยปรับกำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 55% จากเดิม 52% หลังช่วง 9M24 CPN มีกำไรขั้นต้นสูงถึง 55.2%

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon