ชำแหละงบแบงก์

265

 

 เทศกาลประกาศงบแบงก์ปี 67 เริ่มแล้ว!! โดย TISCO เป็นแบงก์แรกที่แจ้งงบ และผลออกมาดูไม่สวยงามนัก โดยQ4/67 มีกำไร  1,702 ลบ. ลด -4.5% YoY แต่หากเทียบกำไร QoQ  ลดลง -0.7%  ทำให้ งวดปี 67  มีกำไร 6,901 ลบ. ลดลง -5.5% เป็นผลหลักจากการตั้งสำรอง ECL ที่เพิ่มขึ้นมาที่ 0.6% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ซึ่งเป็นไปตามแผนการเพิ่มสำรองเพื่อกลับสู่ระดับปกติ พร้อมทั้งเพื่อรองรับความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง

สัปดาห์หน้าเจอของแทร่

บล.เอเซีย พลัส สำหรับกลุ่มธนาคาร เข้าสู่การประกาศงบการเงินกลุ่มฯ หลังจาก TISCO แจ้งงบไปแล้ว ในสัปดาห์หน้าจะถึงรอบของธนาคารอื่น ๆ  โดย KBANK และ SCB จะประกาศงบวันที่ 21 ม.ค.

โดยรวมประเมินกำไรกลุ่มฯ ทั้ง 8 ธนาคาร  งวด 4Q67 ราว 5.7 หมื่นล้านบาท ลบ 9% QOQ จากค่าใช้จ่ายดำเนินงาน(OPEX) เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล หากเทียบกำไรเชิง YOY มองว่า KKP และ KTB มีอัตรา การเติบโตสูงกว่ากลุ่มฯ เพราะระดับการตั้ง ECL ต่ำลง

ส่วนงวดปี 67 กำไรทั้งกลุ่มฯ คาดปิดปีที่ 2.4 แสนล้านบาท  เติบโต 7% YOY และแนวโน้มกำไรปี 2568 ขยายตัว 3% YOY สอดคล้องกับ การขยายตัวของ GDP ไทย ซึ่งธปท. คาด GDP ปี 2568 โต  2.9%  จากทิศทาง CREDIT COST ลดลง เพราะแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์เบาลง ทั้งจาก นโยบายการปล่อยสินเชื่อใหม่เข้มงวดในช่วงที่ผ่านมาและมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ “คุณสู้ เราช่วย”

 

KTB ทรงเสน่ห์ รับประโยชน์เบิกจ่ายงบรัฐ

ในกลุ่มธนาคาร เลือก KTB ให้ราคาเหมาะสมที่ 23.4 บาท  จากการคุมคุณภาพสินทรัพย์ค่อนข้างดี และรับประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ตามด้วย BBL  ราคาที่ 180 บาท  ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นช้ากว่ากลุ่มฯ  COVERAGE RATIO สูงสุดในกลุ่มฯ และพอร์ต สินเชื่อในต่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนราว 25% ของสินเชื่อธนาคาร มีแนวโน้มผ่อนคลายขึ้น จากทิศทางดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่ยังทรงตัวสูง

ส่วนกลุ่มปันผลสูง เลือก TISCO  ให้ราคาเหมาะสมที่  102 บาท  นอกจาก DIV YIELD ในเชิงแนวโน้ม ROE ยืนสูงสุดในกลุ่มฯ ต่อไป

 

CREDIT ม้ามืด กำไรQ4/67 โตสุดในกลุ่ม  

ด้านฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า Q4/67 ธนาคาร 8 แห่งที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯทำการศึกษา ได้แก่ BBL, KBANK, SCB, KTB, TTB, TISCO, KKP และ CREDIT จะทำกำไรสุทธิรวม 4.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% yoy แต่ลดลง 13.2% qoq โดยเชื่อว่ากำไรสุทธิจะลดลง qoq เพราะผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายใน Q4/67 ส่วนกำไรสุทธิจะเติบโต yoy มาจากอัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลง

นอกจากนี้ เชื่อว่าในไตรมาส 4/67 กลุ่มธนาคารจะมีสินเชื่อรวมขยายตัว 1.2% qoq แต่ลดลง 0.4% yoy และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ลดลง 5bp qoq และ 16bp yoy ทั้งนี้คาดว่า KKP, KTB และ CREDIT จะมีกำไรสุทธิเติบโตสูงที่สุด yoy ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิของ KTB, SCB และ KBANK สูงกว่าที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ 25.7%, 7.8% และ 5.0% ตามลำดับ

“คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral)” ในกลุ่มธนาคาร เพราะคาดว่ากำไรก่อนตั้งสำรอง(PPOP) จะเติบโตลดลงมาที่ 1.3-2.0% และมี ROE ที่ 9.0% ในปี 68-69 โดยเลือก BBL ราคาเป้าหมาย 195 บาท และ SCB ราคาเป้าหมาย 130 บาทเป็นหุ้น Top pick เพราะมองว่ายังมีการประเมินมูลค่าน่าสนใจที่ P/BV 0.49 เท่า และ 0.81 เท่าในปี 68 รวมทั้งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 4.6% และ 9.1% ในปี 68 ตามลำดับ

ขณะที่เชื่อว่าในไตรมาส 4/67 กลุ่มธนาคารยังมีกำไรอ่อนตัว อีกทั้งมีสินเชื่อขยายตัวช้าและ NIM อยู่ภายใต้แรงกดดัน จึงมองว่ากลุ่มธนาคารขาดปัจจัยบวกช่วยหนุน แต่ยังจ่ายเงินปันผลดี อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารมี downside risk หาก NPL เพิ่มสูงขึ้นและธปท.ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก

ส่วน upside risk จะมาจากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นการบริโภค, ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลงและรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon