มิติหุ้น-นายสุทัศน์จันกิ่งทอง กรรมการ และนางสาวรัญชนา รัชตะนาวิน กรรมการ บมจ.เอคิว เอสเตท (AQ)ชี้แจง ตลาดหลักทรัพย์ฯเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและการลงทุนในตั๋วเงิน จากเงินเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นเงินจำนวน 3,632 ล้านบาท ภายหลังผู้บริหารอนุมัติให้นำเงินราว 2,100 ล้านบาท ลงทุนในตั๋วแลกเงิน(B/E) ราว 1,600 ล้านบาท และลงทุนตราสารหนี้ไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยได้นำเงินให้กู้ยืมแก่กรุงไทย แลนด์และ ไทยฟิลาเท๊กซ์จํานวน 719 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน ไปจนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ซึ่งครบกําหนดชําระหนี้ภายหลังจากการขายทอดตลาดที่ดินเสร็จสิ้นแล้วนั้น เนื่องจากคณะกรรมการเห็นแล้วว่า บริษัทยังไม่มีความจําเป็นที่จะใช้เงินทุนจํานวนดังกล่าวหลังจาก เพื่อชําระค่าเสียหายตามคํา พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองให้กับ KTB เนื่องจากได้ถูกงดการขายทอดตลาดวันที่ 8 สิงหาคม 2561 และปัจจุบันก็ยังไม่ได้กําหนดวันขายครั้งต่อไป รวมทั้งพิจารณาแล้วเห็นว่าทั้ง 2 บริษัท มีศักยภาพในการชําระหนี้คืน จึงเห็นว่าการให้กู้ดังกล่าว มีความเหมาะสม
นอกจากนี้บริษัทประเมินว่าการชําระค่าเสียหายดังกล่าวยังมีขั้นตอนการขาย ทอดตลาดที่ดิน 4,300 ไร่ อยู่ ซึ่งราคาที่ดินดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่าเกินกว่าค่าเสียหายที่เหลืออยู่จํานวน 8,368.73 ล้านบาท เนื่องด้วยราคาที่กําหนดโดยกรมบังคับคดีกําหนดราคาขาย 8,850 ล้านบาท บริษัทฯยังเชื่อมั่นว่า ราคาที่ขายต้องสูงกว่าที่กรมบังคดีตั้งขาย แต่หากผลการขายทอดตลาดต่ำกว่าค่าเสียหาย บริษัทยังสามารถชําระค่าเสียหายให้กับ KTB ได้เพราะยังมีสภาพคล่องจากเงินลงทุนส่วนอื่นที่เหลือ (กองทุนตราสารหนี้เงินฝากธนาคาร จํานวน 321 ล้านบาท และทรัพย์สินโครงการจํานวน 1,607 ล้านบาท)
ส่วนการลงทุนในB/E ของเพลนเน็ต(PEH) จำนวน 1,143 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ประเทศสิงคโปร์ นั้น ได้มี ตั๋วB/E บางฉบับได้ครบกําหนดคืนเงินแล้ว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนพฤษภาคม 2561 รวม 115 ล้านบาท และที่เหลือจะครบกําหนดคืนเงินช่วงเดือนสิงหาคม – เดือน กันยายน 2561 รวม 1,028 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการได้มีมติต่ออายุ ตั๋ว B/E บางส่วน จำนวน 9.9 ล้านบาทออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งบริษัทยืนยันว่ายังมีสภาพคล่องจากเงินลงทุนส่วนอื่นๆตามที่กล่าวข้างต้น
www.mitihoon.com