ถึงกับผงะ!…กันเลยละทีนี้ทำไมตลาดหุ้นไทยถึงยังไม่ไปไหนเสียที…นอกจากสินค้าจะไม่ได้คุณภาพ หรือ เข้าตานักลงทุนทั้งไทยและเทศแล้วแต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ใช่ของเสียหมดเพียงแต่ธุรกิจยังวนกลุ่มเดิมๆเมื่อ 30-40ปีก่อน ไม่ได้มีธุรกิจที่เป็น News S Cuve ใหม่ๆเข้ามาจนสร้างมาร์เก็ตแคปใหญ่ๆได้เลยก็ว่าได้เสน่ห์หุ้นไทยก็ต้องว่า ถ้าเปรียบเทียบกันแบบนี้เราก็หมดเสน่ห์ลงไปเยอะอันนี้ “ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวง” และ กูรูอีกท่าน คือ “อ.นิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์” การเคยให้สัมภาษณ์กับมิติหุ้นไว้ แถมยังแนะไปลงทุนต่างประเทศดีกว่ายังไม่พอ
“กำราบ Naked short
และ Short sell”
ยังมีอีกประเด็นไฮไลท์ที่เรียกว่า “ช่วยซ้ำ” มากกว่า “ช่วยเสริม” บรรยากาศการลงทุนเข้าไปอีกหากใครที่ติดตามกันเมื่อช่วง 1-2 ปีก่อน “มิติหุ้น” เหมือนจะเป็นสื่อแรกๆ ที่นำเสนอกลเกม Naked short ที่เอาเปรียบรายย่อย ผ่านธุรกรรมต่างประเทศจน ตลท.และก.ล.ต.ต้องเข้ามาดูกันอย่างจริงจังและหาทางแก้ไข อาทิเช่น การนำกฎเกณฑ์ Uptick Rule กลับมาใช้ การเปิดเผยหุ้นที่มีธุรกรรม Short sell ให้นลท.ทั่วไปทุกคนเห็นเป็นรายวัน และเพื่อป้องกันกลุ่มที่มีการชอร์ตเซล โดยที่ไม่ได้ทำการยืมหลักทรัพย์ก่อนการทำชอร์ตเซลด้วย
“ปลดล็อกรายย่อย
เข้าถึงบริการ Co-location”
รวมถึงกลุ่มโบรกเกอร์ตัวแสบมาร์เก็ตแชร์อันดับต้นๆ ที่เสิร์ฟลูกค้ารายใหญ่จากต่างประเทศด้วย การบริการ Co-location เพื่อเชื่อมต่อกับตลท.โดยตรง เสริมเขี้ยวเล็บต่างชาติทั้งความเร็วการเทรดระดับ HFT ที่ผ่านเครื่องมือ Program Trde และค่าบริการที่ถูกกว่า นลท.ในประเทศ ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯได้เปิดโอกาสในนักลงทุนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการ Co-location โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งคาดว่าจะเริ่มช่วง Q2/68 เรื่องนี้ต้องยกความดีให้กับผู้บริหารตลาดที่เล็งเห็นโอกาสของนักลงทุนรายย่อย และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความเท่าเทียมกัน
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น…ถึงแม้ว่าปลายปีที่ผ่านมาความพยายามของตลาดในการเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาต่อการลงทุนให้กลับมาได้ในระดับหนึ่งก็คือการส่งเสริมให้มี “กองทุนวายุภักษ์” ซึ่งก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่มันยังต้องมีมาตรการอื่นๆต่อเนื่องและตลาดยังต้องทำงานปัดกวาดสิ่งสกปรกออกไปมากกว่านี้จากกลุ่มก๊วนเดิมๆที่ได้ทำทิ้งไว้ซึ่งมันยังไม่หมดซึ่งถือเป็นช่องโหว่รูเบ้อเร่อ….คือ บล็อกเทรด ซึ่งจุดประสงค์เดิมก็เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด TFEX โดยเฉพาะ SSF แต่ทุกวันนี้ใช้เป็นเครื่องมือหาเงินโดยกลุ่มเจ้าของกิจการในตลาดหุ้นที่ตนเองถือหุ้นใหญ่ ผ่านในรูปแบบ Leverage โดยใช้เงินวางเพียง 10-20% ของมูลค่าเท่านั้น ส่วนต่างเจ้าของก็สามารถนำเงินจากการขายหุ้นออกไปใช้ได้…แต่ถือกลับผ่านธุรกรรม BLOCK TRADE สัดส่วนความเป็นเจ้าของยังคงเดิม
“กระแสนิยมบล็อกเทรด
ของบรรดาเจ้าของหุ้น”
ซึ่งบรรดาเจ้าของกิจการที่ทำแบบนี้ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าช่องทางการระดมทุนอื่นๆมันตีบตัน ทั้งในรูปของการกู้สถาบันการเงิน ส่วนจะหันมาใช้ตลาดหุ้นกู้ช่วงนี้ก็ไม่ไหวดอกเบี้ยแพงหูฉี่เพราะนลท.ไม่กล้าลงทุนแม้จะเป็นหุ้นกู้เรตติ้งดีๆ รวมทั้งกลุ่มหัวหมอที่ถูกตลท.กดดันช่องทางการวางมาร์จิ้นหลังเกิดเคสดังก็ถูกตลท.เข้มงวดมากยิ่งขึ้นเรื่องไม่ได้จบแค่นี้กลับมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนของกลุ่มหัวหมอยิ่งกว่าเจ้าของหุ้นเพราะว่า….
“โต๊ะบล็อกเทรดตัวแสบ”
การใช้เครื่องมือ BLOCK TRADE จะต้องมีคนกลางที่เรียกว่า “โต๊ะบล็อกเทรด” ซึ่งจะเป็นตัวกลางในการรับซื้อหุ้นตัวนั้นๆที่มีธุรกรรมจาก Block Trade เข้ามา “โต๊ะบล็อกเทรด” เหล่านี้จะเข้าไปซื้อในกระดานหุ้นล็อตใหญ่เทียบเท่าหุ้นที่ลูกค้าสั่งซื้อผ่าน Block Trade มาเก็บไว้ ซึ่งต่างจากธุรกรรม “มาร์จิ้น” ที่หุ้นยังอยู่กับลูกค้าหรือเจ้าของหุ้นซึ่งจะไม่มีใครกล้ายุ่งกับหุ้นเลยเพราะเจ้าของหุ้นดูแล แต่ BLOCK TRADE หุ้นจะอยู่ที่ “โต๊ะบล็อกเทรด” เป็นคนเก็บไว้ ความแสบที่สุดคือ “โต๊ะบล็อกเทรด” สามารถทำอะไรกับหุ้นก็ได้เป็นสิทธิ์ของ “โต๊ะบล็อกเทรด” ซึ่งจะปล่อยให้ลูกค้ายืมนำไป “ขายช็อต” หรือ Short sell ใส่เจ้าของหุ้น, หรืออาจจะแอบทำเสียเองก็ยังไม่ผิด
ฉะนั้นหุ้นที่เห็นในตลาดหุ้นทุกวันนี้เจ้าของหุ้นอาจจะไม่ได้ถือหุ้นเองโดยตรง แต่ถือผ่านธุรกรรม BLOCK TRADE ที่มี“โต๊ะบล็อกเทรด” กอดหุ้นเอาไว้ ซึ่งวงตลาดหุ้นรู้ๆกันอยู่ว่า “โต๊ะบล็อกเทรด” มีใครบ้าง ตัวแรกเลยคือโบรกตัวแสบย่านรัชดาแชร์ทิ้งห่างคู่แข่ง, โบรกกลุ่มทุนไต้หวัน , และโบรกที่มีชื่อสถาบันการเงินจากสหรัฐ ราว 3-4 โบรกเท่านั้น
และยิ่งร้ายไปกว่านั้น เมื่อบรรดาโบรกเกอร์เห็นช่องโหว่รูเบ้อเร่อซะขนาดนี้ที่จะกดดันหุ้นไทยไม่ไปไหน เพราะมันมีความเหลื่อมล้ำไม่แฟร์เกมกับนักลงทุนที่จะสั่งหุ้นไปซ้ายไปขวาได้ภายในพริบตาเพราะหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในกำมือตัวเอง ส่วนนักลงทุนทั่วไป ขาใหญ่ เทรดเดอร์ ต้องยอมจำนนกับเกมนี้เจ็บตัวกันเป็นแถบๆ กลุ่มสมาคมโบรกเกอร์เลยยื่นเรื่องให้ผู้บริหารตลาดที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง และเป็นต้นเรื่องการส่งเสริมสภาพคล่อง TFEX และเพื่อสร้างผลงาน KPI ด้วยจนวอลุ่มตลาด TFEX เป็นที่เชิดหน้าชูตาและเคลมเป็นผลงานได้ก็รับทราบปัญหานี้แล้ว เรื่อง อำนาจของ “โต๊ะบล็อกเทรด” ที่มันไม่แฟร์เกมแต่แล้ว….ก็ได้ตอบกลับมาเพียงว่า “มันเป็นสิทธิ์ของโต๊ะบล็อกเทรด ที่เป็นผู้ครอบครองหุ้น” มันใช่เหรอ?!??!??????
สุดท้ายถ้าตลาดยังมีเรกกูเลเตอร์ที่คิดแบบนี้อยู่อีกตลาดคงจะพังกับพัง….เพราะตอนนี้มันเริ่มมีความไม่แฟร์เกมเกิดขึ้นอีก….แต่เรกกูเลเตอร์ยังนิ่งเฉยหุ้นไทยยังไงก็ไม่มีทางได้เห็น 2,000 จุด
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon