เทรนด์ความยั่งยืน 68 กฎบังคับสะเทือนโลก

96

ศูนย์วิจัยกสิกร เผยถึงประเด็นความยั่งยืนในปี 2568 แรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งบวกและลบ ต้องติดตามใกล้ชิดก่อนจะนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายชัดเจนขึ้นในปี 2569

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยถึงประเด็นความยั่งยืน ในปี 2568 ความยั่งยืน กลายเป็นประเด็นที่ทุกคนทั้งผู้นำ ภาคธุรกิจ และภาคผู้บริโภคจะต้องนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และดำเนินธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ คำพูดแค่ลมปาก (Buzzword) อีกต่อไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อทุกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และการไม่สานต่อมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯดังเช่น การหยุดสนับสนุนนโยบายลดเงินเฟ้อ หรือ  Inflation Reduction Act (IRA) จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ ไม่ขยายตัวตามคาดหวัง

ขณะที่ความยั่งยืนทั่วโลกกำลังมุ่งเดินไปตามข้อตกลงปารีส โดยเฉพาะการแสวงหาแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนช่วยลดต้นทุนในระยะยาว ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ เช่นเดียวกันกับ ธุรกิจที่ออกแบบกลยุทธ์ความยั่งยืนสามารถสร้างความเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาลูกค้า ทำให้มีโอกาสดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างความภักดีได้ดียิ่งขึ้น

ผู้บริโภคที่ใส่ใจความยั่งยืนสามารถมีส่วนร่วมในการลดมลพิษและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เพราะเลือกกิน ดื่มใช้สินค้าที่มีมาตรฐานที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพ ขณะที่ภาคธุรกิจที่ปฏิบัติตามจะลดความเสี่ยง ถูกลงโทษตามกฎหมายภายใต้ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ.Climate Change) ที่ของไทยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2569

ในปี 2568 ความยั่งยืนจะเป็นประเด็นหลักที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศหลายประการ ประกอบด้วย ปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ที่จะบังคับใช้ชัดเจนในปี 2569 ของสหภาพยุโรป  รวมถึงข้อตกลงการประชุม COP30 และสนธิสัญญาพลาสติกโลก

อุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงจะได้รับผลกระทบทางตรง การเปลี่ยนแปลงตลาดส่งออกของจีนและการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าจีนจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคในประเทศและอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกในระยะสั้น โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon