มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 136 จุด (-0.3%) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯคงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์และเตือนว่าเงินเฟ้อยังสูง และยังไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.2% หลังจากสหรัฐฯรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สูงกว่าที่คาดการณ์
เมื่อคืนที่ผ่านมาผลประชุม FED พบว่าคงดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ถ้อยแถลงภายในของท่านประธาน FED ระบุไว้ว่า (1) การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเราจำเป็นจะต้องเห็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงก่อน เช่นความเปราะบางของตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ (2) ยังคงเน้นย้ำอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% (3) ยังไม่เร่งรีบในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพราะท่าทีของเราก่อนหน้านี้ได้ผ่อนคลายไปแล้วและเศรษฐกิจปัจจุบันยังคงแข็งแกร่ง (4) มิได้มีการติดต่อกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Trump) และเน้นย้ำว่าจะไม่ตอบสนองใดๆกับสิ่งที่ Trump ได้กล่าวถึงเพราะมองว่ามันไม่เหมาะสมที่จะทำเช่นนั้นและประชาชนควรจะมั่นใจในงานที่ธนาคารกลางได้กระทำไว้ โดยรวมเมื่อคืนแล้วถ้อยแถลงค่อนข้างแสดงความเข้มงวดเล็กน้อยและยังไม่มีสัญญาณเร่งรีบในการลดดอกเบี้ย ระยะสั้นจึงอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเล็กน้อย ซึ่งพบว่า US Bond Yield กลับมาฟื้นตัวเล็กน้อยและ Dollar Index ก็กลับมาแข็งค่าเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งค่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวจากเทศกาลตรุษจีนหนุนความต้องการเงินบาท ด้าน CME FED Watch ยังให้น้ำหนักคงดอกเบี้ยต่อในการประชุมครั้งหน้าด้วยโอกาส 77% แต่อย่างไรก็ตามจากนี้รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่รอประกาศ หากมีสัญญาณอ่อนแอก็จะเป็นปัจจัยเพิ่มโอกาสลดดอกเบี้ยและหนุนตลาดหุ้นโลก
โดยคืนนี้รอติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและ GDP US Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.24 แสนรายและ 2.7%QOQ ตามลำดับ ปัจจัยในประเทศยังไร้ประเด็นใหม่ๆวานนี้ SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบแคบ (-0.19%) และมูลค่าซื้อขายอยู่ที่เพียง 2.7 หมื่นล้านบาท ค่อนข้างเป็นระดับที่ต่ำและส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเทศกาลตรุษจีน ส่วนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่รายงานออกมาพบว่ากลุ่ม Materials ย่ำแย่ (SCC SCGP) แต่ธนาคารพาณิชย์ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์และเห็นการเติบโต วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1335 – 1350 แม้ไร้ปัจจัยใหม่ๆแต่หุ้นไทยยังมีระดับ Valuation ไม่แพงจึงเน้นกลยุทธ์ทยอยสะสมเช่นเดิม แต่ให้เน้นที่หุ้นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC SAWAD) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB TTB) ส่งออก (ITC TU)
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 172.00 บาท)
กำไรสุทธิใน 4Q24 ออกมาดีกว่าคาด 6% ที่ 10.4 พันล้าน (+17.4% YoY, -16.6% QoQ) กำไรปรับเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) สูงขึ้น อย่างไรก็ดี กำไรปรับลดลง QoQ เป็นไตรมาสที่มีระดับต่ำสุดของปี เนื่องจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL ลดลง และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล
BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดรายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 1.7 พันล้านบาท (+1%YoY) และคาดมีกำไรปกติที่ 1.5 พันล้านบาท (-11%YoY, +60%QoQ) รับแรงกดดันจากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรก่อนภาษียังเติบโตแข็งแกร่ง 19% YoY รับปัจจัยบวกจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐ สะท้อนผ่านการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือน ม.ค. 2025 ที่ +5%YoY เร่งตัวขึ้นจากทรงตัว YoY ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน ม.ค. 2025 ทำให้คาดว่า SSSG เดือน ม.ค. 2025 ที่ +1% ถึง +3% และต่อเนื่องในเดือน ก.พ. 2025
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon