แสนสิริ เปิด 4 ทำเลทองบ้านเดี่ยวน่าลงทุน ผลตอบแทนคุ้มค่า ทั้งขายต่อและปล่อยเช่า

12

 มิติหุ้น  –  บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงทุนในบ้านเดี่ยวนับเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ด้วยปัจจุบันดีมานด์ความสนใจเช่าบ้านเพื่อการอยู่อาศัยของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น และมีอัตราเข้าเยี่ยมชมโครงการของแสนสิริ โดยมีวัตถุประสงศ์ซื้อเพื่อการลงทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปีก่อนหน้าถึงปัจจุบัน และอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจคือกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ นิยมเช่าโครงการใกล้โรงเรียนนานาชาติ เห็นได้จากในกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ที่มีอัตราเข้าเยี่ยมชมโครงการสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่างจากข้อมูลของลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการ พบว่าบ้านเดี่ยวจากแสนสิริตอบโจทย์ในเรื่องความคุ้มค่าของการลงทุน ทั้งในด้าน Rental Yield และ Capital Gains จากหลายปัจจัยเกื้อหนุน อาทิ โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ มีมูลค่าประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดีไซน์บ้านที่มีความงดงามเหนือกาลเวลาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านการออกแบบที่เหนือชั้น พร้อมเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ท่ามกลางคอมมูนิตี้แห่งการอยู่อาศัยในสังคมคุณภาพมาพร้อมกับการบริการหลังการขายที่ดูแลลูกบ้านและโครงการในระยะยาวให้งดงามเสมือนวันแรกที่เข้าอยู่ พร้อมการดูแลความปลอดภัยด้วยมาตรฐานแสนสิริผ่านเทคโนโลยี LIV-24 (บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง) บ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรี่จากแสนสิริจึงเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าด้านการเงินในระยะยาวหรือ Lifetime Asset Value ตลอดจนเป็นสินทรัพย์ที่สามารถส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างภาคภูมิ

ทั้งนี้ เราพบว่า 4 ทำเลศักยภาพเหมาะแก่การลงทุนบ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรี่ ประกอบไปด้วย

  1. “กรุงเทพกรีฑา” ทำเลดาวรุ่ง แห่งการอยู่อาศัยในสังคมสุดไพรเวท

หนึ่งในทำเลทองที่มาแรงที่สุด ปัจจุบันการลงทุนในโครงการบ้านเดี่ยวของแสนสิริในทำเลนี้ สร้าง Yield ได้เฉลี่ยถึง 7 – 9%  โดยค่าเช่าบ้านเฉลี่ย 300,000 – 600,000 บาทต่อเดือน โดยราคาประเมินที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 170% ภายในระยะเวลา 10 ปี และปัจจุบันมีมูลค่า 170,000 บาทต่อตารางวา “กรุงเทพกรีฑา” เป็นทำเลที่รายล้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ เช่น Brighton College และ Wellington College รวมทั้ง ยังมีคอมมูนิตี้มอลล์เกิดใหม่อีกมากมาย เดินทางง่ายสู่ย่านธุรกิจชั้นนำ CBD ด้วยถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า) ถือได้ว่าพรั่งพร้อมไปด้วยศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการลงทุนได้ทุกมิติ

  1. “บางนา” ทำเลแห่งอนาคตที่น่าจับตามอง

อีกหนึ่งในทำเลศักยภาพแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่เติบโตและมีความต้องการซื้อและเช่าของอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สะท้อนจากยอดขายโครงการใหม่ล่าสุดอย่าง เศรษฐสิริ บางนา กม. 10 ด้วยปัจจัยจากการปักหมุดของเมกะโปรเจ็กต์ และการลงทุนในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการคมนาคมที่โดดเด่นใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ รายล้อมด้วยสนามกอล์ฟและโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง เช่น Bangkok Patana School และ Berkeley International School ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และโครงการใหม่ในอนาคตอย่าง Bangkok Mall ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทที่สามารถเดินทางไปยังแหล่ง CBD ได้สะดวก รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่เดินทางสู่ใจกลางเมืองได้รวดเร็ว ทำให้บางนากลายเป็นทำเลที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงบนทำเลเส้นเลือดใหญ่แห่งกรุงเทพฯ ตะวันออก

  1. “ภูเก็ต” เมืองแห่งโอกาสการลงทุน ทำเลเนื้อหอมที่สุดตลอดกาล

เมืองท่องเที่ยวชั้นนำขึ้นแท่น World Class Destination ที่ภาครัฐกำลังเร่งผลักดันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับโครงสร้างคมนาคมพื้นฐานที่จะเป็นประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่าง สนามบินภูเก็ต ระบบรถไฟฟ้ารางเบา การพัฒนาท่าเรือ และการพัฒนาผังเมือง เพื่อยกระดับภูเก็ตให้เป็น Smart City อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ (Big Event) เพื่อผลักดันภูเก็ตสู่เป้าหมายเมือง Premium Destination ของโลก

ย้อนไปเมื่อปี 2566 อสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตขายดีมาก และยังขายดีต่อเนื่องจนถึงปีนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคือ “ใกล้โรงเรียนนานาชาติ” ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะบางเทา มีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง เช่น เฮดสตาร์ท ขจรเกียรตินานาชาติ ฯลฯ ทำให้มีโครงการเข้ามาพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ “ราคาที่ดิน” พุ่งสูงขึ้น ตัวอย่างโครงการในบริเวณนี้ ก่อนโควิดมีราคาไร่ละ 10-12 ล้านบาท และปัจจุบันราคาสูงขึ้นถึงไร่ละ 25 ล้านบาท ซึ่งอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจากโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลภูเก็ต สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 9 – 10% ต่อปีและมีการปล่อยเช่าได้สูงถึง 300,000 – 400,000 บาทต่อเดือน จังหวัดภูเก็ตจึงขึ้นชื่อว่าเป็นทำเลที่เนื้อหอมที่สุดแห่งปี

  1. “เชียงใหม่” เมืองน่าอยู่ระดับนานาชาติ

ทำเลยอดฮิตตลอดกาลอย่าง “เชียงใหม่” จังหวัดที่ผสมผสานความเป็นเมืองและธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมืองได้รับการขยายตัวและเติบโตสูงอย่างชัดเจนโดยเฉพาะบริเวณถนนวงแหวนรอบ 2 และเริ่มขยับขยายไปจนถึงบริเวณถนนวงแหวนรอบ 3 โดยรวมมีความโดดเด่นทั้งความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีกลุ่มแรงงานต่างชาติในไทย (Expat) เข้ามาอยู่อาศัยมากที่สุดอีกด้วย นับเป็นเป็นทำเลที่มีดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องและเติบโตมากขึ้นในทุกๆปี

ในการลงทุนปล่อยเช่าของทำเลเชียงใหม่ สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 5% – 7% ต่อปี ราคาค่าเช่าบ้านเดี่ยวอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 70,000 บาทต่อเดือน ราคาซื้อขายอยู่ที่ 3.5 – 18 ล้านบาท สามารถสร้างผลตอบแทน Capital Gain ได้เฉลี่ยประมาณ 3% – 5% ต่อปี

ในอนาคตอันใกล้ เชียงใหม่เองก็มีแผนพัฒนาโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการ เพื่อส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวและเพื่อเพิ่มศักยภาพให้เชียงใหม่ดียิ่งขึ้นไปอีก เช่น สนามบินเชียงใหม่ 2 ที่จะรับนักท่องเที่ยวได้ 20 ล้านคนต่อปี และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่เชื่อมกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ได้ในเวลา 3 ชั่วโมง และเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีจำนวนโรงเรียนนานาชาติมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว ตามสัดส่วนของชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในเชียงใหม่ในลักษณะ Long Stay ทำให้ขณะนี้เชียงใหม่เป็นอีกหนึ่งทำเลที่เป็นที่ต้องการของนักลงทุน เพื่อเตรียมตัวรับความต้องการเช่าบ้าน หรือซื้อต่อไว้ล่วงหน้า

เปิดผลตอบแทนและอัตราค่าเช่าโดยประมาณของโครงการบ้านเดี่ยวใน 4 ทำเลศักยภาพของแสนสิริ

โครงการ ราคา Rental Yield ค่าเช่า

(บาท/เดือน)

ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา 45 – 100 ล้านบาท* 7 – 9% 300,000 – 500,000
ณริณสิริ พระราม9 – กรุงเทพกรีฑา 40 – 80 ล้านบาท* 7 – 9% 300,000 – 500,000
เศรษฐสิริ บางนา กม.10 25 – 40 ล้านบาท* 7 – 8% 150,000 – 250,000
สราญสิริ เกาะแก้ว รีทรีต 9 – 15 ล้านบาท* 4 – 5 % 35,000 – 62,000
อณาสิริ พายัพ 7.9 – 10.9 ล้านบาท* 5 – 7% 50,000 – 70,000

อสังหาริมทรัพย์เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบต่างๆ ยังคงเป็น Safe Haven ที่น่าสนใจ และที่อยู่อาศัยยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่เราทุกคนต้องการเสมอ ตลอดจนสามารถส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน และจากข้อมูลของ SCB EIC ระบุว่ากลุ่มที่มีแผนจะซื้อบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ คือกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านขนาดพื้นที่เป็นหลัก ทั้งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ขนาดที่ดิน และสนใจทำเลใกล้เมืองเดินทางสะดวก (ไปทำงาน ส่งบุตรหลานไปโรงเรียน) และยังยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อบริการหลังการขาย สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวก และประหยัดพลังงาน ซึ่งแสนสิริมีครบวงจรที่ตอบโจทย์เสมอมาในทุกโครงการ

แสนสิริ  ในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งของผู้พัฒนาอสังหาฯ ลักซ์ชัวรี่ไทยที่สั่งสมความเชี่ยวชาญมากว่า 40 ปี พร้อมเดินหน้ารังสรรค์โครงการระดับมาสเตอร์พีซผ่านงานดีไซน์และคุณภาพที่ดีที่สุด เพื่อนำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับเวิลด์คลาสในทุกมิติ และส่งมอบที่อยู่อาศัยที่พร้อมเป็นสินทรัพย์เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าพร้อมให้ผลตอบแทนความคุ้มค่าที่ดีที่สุด