Pi Daily ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือตลาดหุ้นไทย อาจนำกองทุน LTF กลับมาพิจารณาอีกครั้ง มองเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย

15

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 167 จุด (+0.38%) ขณะที่ Nasdaq , S&P500 ก็ปิดในแดนบวกเช่นกัน ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Technology , AI พร้อมกับแรงหนุนหุ้นในกลุ่มเหล็ก ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.86% แรงหนุนจากการช้อนซื้อพร้อมกับการที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน

เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ หลักๆนักลงทุนหันไปให้น้ำหนักกับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯในสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม ข้อมูลล่าสุดพบว่าสหรัฐฯนั้นนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดาเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตามกับประเทศไทยนั้นการส่งออกอลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯค่อนข้างต่ำ โดยอยู่อันดับที่ 10 จึงไม่มีผลอย่างมีนัยยะต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆเมื่อคืนค่อนข้างนิ่งๆไม่ว่าจะเป็น US Bond Yield แต่ราคาทองคำนั้นปรับขึ้นต่อเนื่องสาเหตุหลักๆเป็นเพราะนักลงทุนกังวลกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ ปัจจัยในประเทศวานนี้ตลาดหลักทรัพย์เริ่มมีแนวทางในการบริหารตลาดหุ้นไทยหลังพบผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยย่ำแย่ เตรียมที่จะหารือกับกระทรวงการคลังและ FETCO เบื้องต้นมองนโยบายได้แก่การนำกองทุน LTF กลับมาดำเนินการใหม่เพราะ ThaiESG นั้นอาจไม่ตอบโจทย์ต่อตลาดทุนมากเท่าใดเพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วเงินไปเข้าตราสารหนี้มากกว่า พร้อมกับจะเตรียม Road Show นักลงทุนต่างประเทศในการบอกเล่าเรื่องดีๆของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ หากกองทุน LTF สามารถนำกลับมาดำเนินการได้ก็มองเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้น

ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงมา 11.6 จุด (-0.9%) แรงกดดันหลักมาจาก DELTA ซึ่งอาจเกิดจากความกังวลในการจัดทำดัชนีแบบใหม่ประกอบกับ Valuation ที่สูง (DELTA กดดันดัชนีราว 2 จุด , AOT 2 จุด) ปิดตลาดพบว่านักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1.9 พันล้านบาท ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่การแถลงนโยบายบริหารการเงินของประธาน FED ที่มีกำหนดรายงานต่อสภาคองเกรส เชื่อว่านักลงทุนจะจับตารอดูทิศทางดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ (พรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเนื่องในวันมาฆบูชา) จึงอาจทำให้บรรยากาศวันนี้เบาบาง โดยคาดการณ์กรอบเคลื่อนไหวที่ 1260 – 1285 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงมา (YTD -9.3% นับเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนย่ำแย่ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็พบว่าปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างปกติและไม่มีอะไรน่ากังวล สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะแรงไถ่ถอนเม็ดเงิน LTF) จึงแนะนักลงทุนระยะกลาง – ยาว มองระดับดัชนีปัจจุบันเป็นโอกาสสะสม แต่ให้เน้นที่หุ้น ขนาดใหญ่และเป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT)

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon