CGSI : Trend Spotter

13

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน โดยดัชนี DJIA และ S&P500 ร่วงลง หลังรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐเดือนม.ค. ขยายตัวสูงกว่าตลาดคาดการณ์ สนับสนุนแนวโน้มที่ Fed จะยัง “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.50% นานขึ้น (อ้างอิงจาก CME FedWatch ตลาดให้น้ำหนักลดลงมา เป็น 70% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp ภายในสิ้นปีนี้) ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งขึ้นมาที่อัตรา 4.7%, ราคาทองคำปิดลบ -0.1%, ดัชนี VIX ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 17.2 ระหว่างวัน

โดยตัวเลข CPI ขยายตัว 3.0% yoy สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะคงเดิมจากเดือนธ.ค. +2.9% และ Core CPI ขยายตัว 3.3% yoy สูงกว่าตลาดคาดที่ +3.1% (vs. เดือนธ.ค. +3.2%) สอดคล้องกับแถลงการณ์ของนายพาวเวลล์ ประธาน Fed ต่อสภาคองเกรส เมื่อวันที่ 11-12 ก.พ. (ต่อสว. และสส. ตามลำดับ) ที่ส่งสัญญาณว่า Fed จะยังไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำและตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของ Fed ที่ 2% พร้อมจะทบทวนนโยบาย Debanking และแก้เรื่องงบขาดดุล

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐยังมีแรงสนับสนุนจาก 1) ถ้อยแถลงของนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่กล่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาการยกเว้นภาษีซ้ำซ้อน และ 2) แรงซื้อหุ้น Tesla (+2.4%), Apple (+1.8%), CVS Health (+14.9%), Palantir (+4.2%)

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างดัชนี STOXX600 และ FTSE100 ยังคง Outperform ปิดทำนิวไฮต่อเนื่อง ขานรับรายงานผลประกอบการ 4Q24 แข็งแกร่ง (Heineken +14.4%, ABN Amro +8.2%) และ แนวโน้มเงินยูโร/ปอนด์ อ่อนค่าที่จะสนับสนุนธุรกิจภาคส่งออก

วันนี้ ติดตามรายงานตัวเลข GDP 4Q24 ของอังกฤษ / จำนวนคนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ / ดัชนี PPI สหรัฐเดือนม.ค. รวมถึงจับตานโยบายการค้าสหรัฐ หลังทรัมป์ได้ลงนามเรียกเก็บภาษีจากอะลูมิเนียมนำเข้าในอัตรา 25% (vs. จากเดิม 10%) มีผลบังคับใช้ 12 มี.ค. และมีรายงานว่าทรัมป์เตรียมสรุปแผนการใช้ Reciprocal Tariffs ภายในสัปดาห์นี้

ในส่วนของราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า -2.7% หลัง EIA รายงานตัวเลขสินค้าคงคลังน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล กอปรกับมีรายงานว่าปธน. ทรัมป์ เตรียมเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนหลังการต่อสายพูดคุยกับวลาดิเมียร์ ปูติน ปธน. รัสเซีย ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งผันผวนบริเวณ 1,265-1,290 จุด แม้จะเผชิญแรงกดดันจากตัวเลข CPI สหรัฐที่สูงกว่าตลาดคาด สนับสนุนให้มีแนวโน้มลดลงที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เราเชื่อว่าตลาดจะยังมีแรงสนับสนุนจากปัจจัยในประเทศหลังที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติซอฟต์โลนธนาคารออมสิน 5 หมื่นลบ. เพื่อช่วยบรรเทาหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยในกลุ่ม Non-banks ผ่านโครงการ “คุณสู้-เราช่วย” ใน 2 รูปแบบ: 1) ยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปี ซึ่งเราคาดว่าจะได้รับความสนใจน้อย และ 2) ตัดหนี้ สำหรับยอดหนี้ต่ำกว่า 5,000 บาท โดยให้ชำระเพียง 10% ของยอดหนี้ เปิดลงทะเบียนถึง 30 เม.ย. ซึ่งเราคาดว่าผลกระทบต่อหุ้นกลุ่ม Non-banks ไม่มากนัก เนื่องจากมีข้อกำหนดที่เข้มงวดและยังคงคำแนะนำ Neutral ในหุ้นกลุ่มนี้

• หุ้นแนะนำ
MTC : เราเชื่อว่า MTC เป็นหนึ่งในผู้รับประโยชน์หลักจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต, มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยและการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งนี้ MTC มีผลคะแนน SET ESG Rating อยู่ในระดับ AAA ในปี 2024

(Take profit : 45.50 / Stop loss : 43.00)

AMATA : เราคาดว่า AMATA จะได้ประโยชน์จาก FDI ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การค้าโลกเริ่มตึงเครียด โดย AMATA เป็น Top pick ของเราในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและมีผลคะแนน SET ESG Rating อยู่ในระดับ AAA ในปี 2024

(Take profit : 25.5 / Stop loss : 23.8)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon