มิติหุ้น-DELTA โดย บล.ลิเบอเรเตอร์ รายงานงบ Q4/67 มีกำไรสุทธิ 2,155 ลบ. หดแรง 54% y-y และลดลง 63% q-q ต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญจากต้นทุนขายเพิ่ม-ค่าใช้จ่ายเพิ่ม และภาษีจ่ายเพิ่มยอดขายรวม 1,199 ล้านเหรียญ +17% y-y แต่หด -2% q-q ซึ่งเมื่อเทียบเป็นเงินบาทจะเท่ากับ 41,062 ลบ. เติบโต +10% y-y แต่ -3% q-q
กลุ่ม Power electronic (สัดส่วน 55% ของยอดขาย) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้า Data center server และ AI มียอดขายเติบโต +18% y-y แต่ -4%q-q
กลุ่ม Mobility (สัดส่วน 25%) ยอดขาย +1% y-y แต่ -7% q-q ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม EV ซึ่งขายใน 2 ตลาดหลักคือ สหรัฐและจีน(42%) ตลาดดังกล่าวยอดขายหดตัว -27% y-y และ -3% q-q เป็นการหดตัว 3 ไตรมาสติดต่อกัน ส่วนตลาดยุโรป (58%) ยอดขายโต +30% y-y แต่หด -9% q-q
กลุ่ม Infrastructure (สัดส่วน 17%) ยอดขายเติบโต +45% y-y และ +15% q-q ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มลูกค้าโทรคมนาคมและพลังงาน
กลุ่ม Automation (สัดส่วน 3%) ยอดขายขยายตัว +28% y-y และทรงตัว q-q กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม
อัตรากำไรขั้นต้นหดจาก 27.5% ใน 3Q24 เหลือเพียง 22.2% เนื่องจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นสุทธิ +934 ลบ. มาจาก 1) ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนตามการปรับต้นทุนทุกไตรมาสและค่าเงินผันผวนจำนวน 13.3 ล้านเหรียญ 2) การให้ส่วนลดลูกค้าในกลุ่ม Data center ตามยอดขายเพิ่มขึ้น 6.8 ล้านเหรียญ 3) สินค้ากลุ่ม Magnetic ที่ทำใช้ภายในเกิดปัญหาการผลิตและส่งผลต่อสินค้าสำเร็จรูปที่ส่งให้ลูกค้าทำให้ต้องตั้งสำรองประกัน 16.2 ล้านเหรียญ และ 4) ยอดขาย EV ที่อ่อนแอทำให้มีตั้งสำรองสินค้า แต่มีโอนกลับสำรองสินค้า +300 ลบ. ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นจะทำให้อัตรากำไรเพิ่มราว 2.3%
ค่าใช้จ่ายขายบริหาร และพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้น +62% y-y และ+19% q-q จาก 1) ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย 1,008 ลบ. เดิมอยู่ในรายการพิเศษแต่ไตรมาสนี้อยู่ที่คชจ. ดำเนินงาน 2) ค่าใช้จ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื่องจากมีโครงการค้างในเยอรมัน สำหรับรายการดังกล่าวเป้าหมายระยะยาวจะอยู่ที่ 3% ของยอดขาย ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% 3) ค่าสิทธิการจ่ายที่จ่ายให้กับบริษัทแม่ในไต้หวันเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากมีการปรับอัตราจ่ายเพิ่มเติมจากเดิมจะคิดเฉพาะที่เกี่ยวข้อง AI แต่เริ่มนำสินค้าที่มียอดขายสูงมาคิดด้วยมีการคิดย้อนกลับตั้งแต่ต้นปีจำนวน 26 ล้านเหรียญ
อัตราภาษีจ่าย เพิ่มขึ้นเนื่องจากรัฐบาลอินเดียมีเก็บภาษีเพิ่มขึ้นตามกฎหมายใหม่จำนวน 400 ล้านรูปี
ปรับประมาณการปี 2025 ลงจากเดิม 20% : เราคาดว่าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Data center, Cloud และ AI ยังมีการเติบโตได้ตามการใช้ที่มากขึ้นทำให้เราคาดว่ายอดขายของ DELTA ยังโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น y-y ได้ เนื่องจากปีก่อนมีรายการพิเศษทำให้ต้นทุนเพิ่มและกระทบกับอัตรากำไรขั้นต้นราว 0.6%
แต่ขณะเดียวกันเรามีปรับค่าใช้จ่ายขายและบริหารและค่าใช้จ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นขึ้นจากเดิมเช่นกัน เนื่องจากมีการคิดค่าสิทธิการจ่ายจากบริษัทแม่เพิ่มขึ้นจากเดิมคิดเฉพาะสินค้า AI แต่เริ่มมีการคิดในสินค้าอื่นด้วย รวมถึงผลกระทบจาก GMT ทำให้เราปรับประมาณการใหม่ดังนี้
คาดยอดขาย 5,006 ล้านเหรียญ +9% y-y ปรับอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 26% และปรับสัดส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็น 15% ทำให้กำไรสุทธิใหม่จะอยู่ที่ 17,839 ลบ. -6% y-y และปรับราคาเหมาะสมใหม่ 71.50 บาท อิง P/E 50.0x สะท้อนการปรับประมาณการลง โดยยังคงแนะนำ “ขาย”
“ แม้จะมีรายการพิเศษกดดันให้กำไรต่ำคาด แต่ในส่วนค่าใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้นและลามไปสินค้าอื่นนอกจากกลุ่ม AI เป็นปัจจัยกดดันกำไรเพิ่มขึ้นนอกจากจะเริ่มได้รับผลจาก GMT ปีนี้ แม้ตลาดจะให้ premium กับ DELTA มากกว่ากลุ่มจากการมีสินค้าเกี่ยวข้อง Data center และ AI ที่เติบโตตาม Mega Trend แต่จากงบที่ต่ำคาด และค่าใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงมีแนวโน้มที่อาจถูกลดสัดส่วนการถือตามเกณฑ์คำนวนดัชนี SET50 ใหม่ตลาดฯ อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E25E ถึง 79 เท่า มองว่าแพงเกินไปเมื่อเทียบกับส่วนเพิ่มที่มีต่อประมาณการแล้ว คงแนะนำ ขาย ”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon