Pi Daily ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ แต่ผลกระทบต่อไทยมิได้เยอะมาก สาเหตุจากไทยส่งออกหลักๆไปที่ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ผลประกอบการที่ทยอยออกมาเริ่มมีแสงสว่าง (บวกกับตลาดหุ้น) เน้นกลยุทธ์เลือกหุ้นที่กำไรยังดี

18

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 10 จุด (+0.02%) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวนเพราะนักลงทุนรอพิจารณาผลประกอบการบริษัทต่างๆ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.8% หลังมีรายงานว่ายูเครนได้ส่งโดรนไปโจมตีท่อส่งน้ำมันในรัสเซีย แต่อย่างไรก็ตามราคาได้ลดช่วงบวกลงหลังมีข่าวว่าเกิดการเจรจาเพื่อยุติสงคราม

เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ยังปรับขึ้นได้เพราะแรงหนุนหลักจากกลุ่มพลังงาน (Energy +1.4%) ซึ่งมองเป็นบวกกับหุ้นพลังงานของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ส่วนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อื่นๆพบว่าทรงตัวระดับเดิมไม่ว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนถึงความกังวลบางอย่างจากนักลงทุน ซึ่งอาจเกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ ในช่วงเช้าวันนี้พบว่า Trump ได้ออกมากล่าวว่าเตรียมที่จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ Semiconductor และยา ในอัตรา 25% ข้อมูลจาก Statista ระบุไว้ว่าสหรัฐฯได้นำเข้ารถยนต์หลักๆจากประเทศ Mexico Japan Canada Germany South Korea ดังนั้นผลกระทบจากภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯจะกระทบกับไทยมิได้มากนัก โดยประเทศไทยนั้นหลักๆแล้วส่งออกรถยนต์ไปที่ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามระยะสั้นอาจสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มยานยนต์ (AH SAT STANLY) สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้บวก 1 จุด (+0.08%) อย่างไรก็ตามมีแรงกดดันจาก DELTA มากถึง 8.8 จุด หากตัด DELTA ออกไปตลาดหุ้นไทยอาจบวกได้ราว 10 จุด

โดยได้แรงหนุนจากกลุ่ม Domestic Play อาทิ CPALL KBANK CPAXT SCB KTB คาดการณ์ว่าเป็นกลุ่มที่ผลกระทบเชิงลบค่อนข้างจำกัดและวานนี้ CPAXT ก็ได้รายงานผลประกอบการประจำปี 24 , 4Q24 พบว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 4 พันล้านบาท (+21%YoY +103%QoQ) ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus และเราประเมินไว้ ซึ่งผลประกอบการปรับดีขึ้นทั้งรายได้ กำไรขั้นต้น กำไรก่อนภาษีและดอกเบี้ยจ่าย มองเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยและคาดหวังถึงผลประกอบการในกลุ่มอื่นๆที่จะรายงานแล้วส่งเสริมตลาดในทางบวก หลังจากนี้จะเห็นการรายงานมากขึ้นของ Domestic Play ประเมินว่ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าจำเป็น ท่องเที่ยว ผลประกอบการน่าจะสดใส ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวล่าสุดในช่วง 1 ม.ค. – 16 ก.พ. รวมสะสมที่ 5.59 ล้านราย (+12%YoY) โดยสัปดาห์ 10 – 16 ก.พ. นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 7.84 แสนราย (-6.4%WoW) แบ่งออกเป็นมาเลเซียที่ 9.7 หมื่นราย (-28%WoW) และจีนที่ 9.07 หมื่นราย (-21%WoW) อาจชะลอลงบ้างแต่เป็นเพียงปัจจัยฤดูกาลเพราะหมดเทศกาลตรุษจีน คืนนี้รอติดตามรายงานผลประชุม FED ในรอบก่อน (FED Minutes) วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1270 เชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นพิจารณาเป็นรายกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นที่ผลประกอบการยังโดดเด่น อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT) ศูนย์การค้า (CPN) โรงแรม (CENTEL MINT)

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.75 บาท)
ปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 4Q24 ต่อเนื่องถึง 1Q25 จะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลดีจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงได้ โดยเราคาดกำไรสุทธิงวด 4Q24 ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท เพิ่มมากจากปีก่อนเพราะราคาเนื้อสัตว์ดีขึ้น แต่ลดลงกว่า 44%QoQ ซึ่งเป็นผลตามฤดูกาล Low Seasons ของธุรกิจสัตว์น้ำ

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 4 พันล้านบาท (+21%YoY, +103%QoQ) ใกลเคียงกับที่เราและ BB consensus คาด กำไรเติบโต YoY เป็นผลจากยอดขายที่โต 4%YoY หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัว 70 bps YoY จากการขายอาหารสดและการเพิ่มสัดส่วน Private label รวมถึงการลดการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ แม้ว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเติบโตของ Omni Channel ทำให้ทั้งปี2024 มีกำไรสุทธิแตะ 1 หมื่นล้านบาท (+22%YoY)

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon