เป็นไปตาม Pattern ที่ “มิติหุ้น” ได้เขียนรายงานเพื่อบอกเตือนนักลงทุนไปเมื่อช่วงต้นปี 68 โดยมีหัวข้อเรื่องว่า “DELTA มาร์เก็ตแคปวูบแสนล. PEสูงลิ่วใครกล้าถือ?” เพราะต้องบอกว่า เปิดศักราชใหม่ปีนี้ DELTA ก็ป่วนตั้งแต่ต้นปีจนถึง ปัจจุบันทั้งๆที่ ประกาศกำไรปี 67 ออกมาที่ 18,938.58 ลบ.กำไรไม่ได้ลดลง เพียงแค่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าต่ำกว่าคาด เลยถูกลงโทษ หลังจากประกาศงบโดยวันที่ 17 ก.พ.68 ดิ่งแตะฟลอร์ -30% มันเป็นเหตุผลที่แท้จริงหรือไม่?ที่ทำให้ราคาหุ้นปรับลง

แถมก่อนหน้าที่ล่าสุดก็มีกระแสจาก ตลท.เตรียมปรับปรุงการคำนวนหุ้นใน SET50/SET100 ใหม่โดยจะจำกัดหุ้น หรือ CAPPED WEIGH ไม่ให้เกิน 10% ซึ่งDELTA มีมาร์เก็ตแคปสัดส่วนถึง 13% ไม่เพียงเท่านี้มรสุม DELTA ที่ยังน่ากังวลต่อทั้งเรื่อง Global Minimum Tax ขั้นต่ำ 15% และต่อมาก็คือบรรดานักวิเคราะห์จะเริ่มปรับประมาณการณ์กำไรของ DELTA ลง ซ้ำเติมไป

“ทำไมนักวิเคราะห์จึงคาดกาณ์

กำไรDELTAผิดพลาด”

ซึ่งเหตุผลหนึ่งเรื่องผลกำไรที่ออกมาต่ำคาดมีกูรูที่ช่ำชองในแวดวงโบรกเกอร์กลับมีความเห็นแย้งกับบรรดานักวิเคราะห์ที่กล้าออกรีเสิร์ตว่ากำไรต่ำคาด แต่มันเป็นความผิดพลาดของนักวิเคราะห์ที่ออกรีเสิร์ตแบบนั้น เพราะว่าเรื่องคาดการณ์กำไรของ DELTA มันส่งสัญญาณล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 เดือนหากเป็นงบรายไตรมาส หมายความว่างบไตรมาสก่อนหน้าที่ประกาศออกมาก็มีแนวโน้มคาดการณ์กำไรไตรมาสถัดไปแล้ว ส่วนงบราย 1 ปี ก็เช่นกันก็จะรู้แนวโน้มงบล่วงหน้าของ DELTA ก่อน 1 ปี เช่นกัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่นักวิเคราะห์จะวิเคราะห์ผิดย้ำจากแหล่งข่าวกูรูที่ช่ำชองในแวดวงโบรกเกอร์ท่านนี้

ดังนั้นเมื่อรู้ว่ากำไรปี 67 จะโต 16% ราคาหุ้นก็ควรขึ้นในระดับเดียวกัน เพราะคาดการณ์ล่วงหน้า 1 ปี แต่ราคาขยับจาก 79 บ.ขึ้นไป 160-170 บ. หุ้นขึ้นไปกว่า 100 % เพราะเหตุผลอะไรไม่ทราบ (อาจจะมีจุดประสงค์ต่อการลงทุนในตลาด TFEX หรือ เพื่อให้ดัชนีดูดีก็เป็นได้)

ต่อไปนี้คือเกมขายหุ้น

แต่กลับได้ข้อสรุปออกมาว่านี้คือ เกมรินขายหุ้นของเจ้าของออกมาจากที่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาได้ลากหุ้นขึ้นไปทะยานสู่ 1,700 บ. (หรือ 170บ.อิงพาร์ปัจจุบัน) มาร์เก็ตแคปทะลุ 2ล้านล้านบาท ขึ้นสู่เบอร์ 1 มาร์เก็ตแคป 11-12% จากต้นทุนเจ้าของ DELTA ซึ่งอยู่ที่ 300 ลบ. เพราะตั้งแต่เข้าตลาดมาไม่เคยเพิ่มทุน จนมูลค่าพุ่งแตะ 1.8-2 ล้านล้านบาท ไล่ตั้งแต่เกมขายหุ้นให้กองทุนปลายปี 63 เช่นกันรอบนี้เจ้าของจะยอมขายทิ้งก็ยังได้ เพราะลำพังกำไรจากการทำธุรกิจปีหนึ่งก็แค่หลัก หมื่นลบ.เท่านั้น จะต้องทำอีกกี่ปีถึงจะได้ 1.8 ล้านล้านบาท

โดยการตอกย้ำว่าเจ้าของกำลังรินขายมาจากที่ “กลุ่มเดลต้าไต้หวัน” โดย Delta International Holding Limited B.V. ได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่า 525,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนในปี 73 และสามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นของ DELTA โดยราคาแปลงสภาพเริ่มต้นของหุ้นกู้อยู่ที่ 187.6 บาทต่อหุ้น ทำเอานักลงทุนก็มั่นใจเข้าไปเก็บราคาหุ้นช่วงนั้นก็ปรับขึ้นไปสูงสุดแถว 150 บ.ราคาระหว่างวัน จากราคาต่ำสุดที่ 138.50บ.ช่วงนี้ (17-22 ม.ค.68) แต่แล้วฝันร้ายก็มาเยือนราคาปรับร่วงต่อเนื่องก็ว่าได้อยู่ที่ 75 บ./หุ้น หรือลดลงไปกว่า 50% YTD แล้ว

PE เดลต้าแพงกว่า NVIDIA

เช่นกันหากนักลงทุนจะคิดแบบการลงทุน เมื่อเทียบ PE กับคู่แข่งหรือธุรกิจใกล้เคียง ถึงแม้ว่าความจริง DELTA ก็ไม่ใช่หุ้นกลุ่ม TECH เป็นเพียงหุ้นขายชิ้นส่วนอุปกรณ์เพื่อซัพพอร์ตให้กับหุ้นกลุ่ม TECH เท่านั้นแต่ PE กลับแพงกว่าด้วย เช่น หุ้น NVIDIA ซึ่งจัดเป็นหุ้นที่เก่งที่สุดในกลุ่ม TECH ระดับโลก

กรณี WORST CASE กลุ่มทุนไต้หวันยอมขายจนราคาหุ้น DELTA  เหลือ 30 บ. หรือแม้แต่ขายจนราคาลงไปเหลือ 1 บ.ก็ไม่เสียหายเพราะยังกำไรล้วนๆ ซึ่งเกมนี้เป็นการทำราคาหุ้นของกลุ่มทุนไต้หวัน และมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในอดีต ซึ่งเป็นกลุ่มทุนไต้หวันที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยแล้วชื่อว่า “บ.ทุนเทค” และทำเกมในลักษณะแบบนี้ สุดท้ายทุกวันนี้ “บ.ทุนเทค” ก็ไม่มีแล้วในตลาดหุ้นไทย

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon