มิติหุ้น – บมจ.เอสพีซีจี หรือ SPCG ประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 ทำรายได้จากการขายและการให้บริการ 2,049.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 746.8 ล้านบาท เตรียมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 0.70 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีจ่าย ปันผลอัตรา 1.20 บาทต่อหุ้น สะท้อนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง รวมถึงมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ มั่นใจศักยภาพการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตของโครงการโซลาร์ฟาร์ม แม้สิ้นสุดระยะเวลาได้รับ Adder บริษัทฯ ยังคงได้รับเงินจากการขายไฟตามปกติ
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์ฟาร์ม โดยมีรายได้จากการขายและ การให้บริการ 455.2 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 127.8 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งสิ้นจำนวน 372.5 ล้านหน่วย ส่งผลให้มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 2,049.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 746.8 ล้านบาท ชะลอตัวจากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 4,125.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,973.9 ล้านบาท เนื่องจากโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 36 แห่ง ได้สิ้นสุดระยะเวลาได้รับรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่อัตรา 8 บาทต่อหน่วย และรายได้จากธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟ ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้รับ Adder แต่โครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีศักยภาพสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง
จากผลการดำเนินงานปี 2567 ที่สามารถสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 จึงพิจารณาจ่ายเงินปันผลอัตรา 1.20 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น
1,266,948,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 14.90% เมื่อเทียบกับราคาหุ้น SPCG ที่ 8.05 บาท ณ สิ้นวันทำการของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ของปี 2567 ไปแล้วในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น คงเหลือที่จะจ่ายเงินปันผลในงวดนี้ 0.70 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 11 มีนาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 อย่างไรก็ตามการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568
ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SPCG กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจศักยภาพธุรกิจจะสามารถสร้างรายได้และกำไรอย่างสม่ำเสมอ โดยปัจจุบันมีโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการรวม 36 แห่ง ในพื้นที่ 10 จังหวัดของประเทศไทย อาทิ นครราชสีมา, ขอนแก่น, สกลนคร, นครพนม, บุรีรัมย์ ฯลฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม260 เมกะวัตต์ (MW) รวมถึงยังมีรายได้ธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟสำหรับบ้านพักอาศัย สำนักงาน อาคารธุรกิจขนาดเล็ก-ใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมและอื่น ๆ
“แม้ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาชะลอตัวลง แต่บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราหนี้สินต่อทุน
ณ สิ้นปี 2567 อยู่ในระดับต่ำที่ 0.01 เท่า รวมถึงมีกระแสเงินสดอยู่ในระดับที่ดี สามารถจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอและเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง” ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SPCG กล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon