Pi Daily รอติดตามผลประกอบการที่จะรายงานหลังจากนี้

12

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 33 จุด (+0.08%) แต่ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงถึง 1% เพราะถูกกดดันจากการปรับลงของหุ้น Technology หลังมีรายงานว่าการลงทุนด้าน AI อาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามกลยุทธ์ที่เหมาะสม ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.47% หลังสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันอิหร่านรอบใหม่

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯมิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงเผชิญแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่ม Technology (-1.4%) ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากว่านักลงทุนรอดูผลประกอบการ โดยเฉพาะ NVIDIA จะรายงานผลประกอบการในวันพุธ (หลังตลาดหุ้นปิด) ขณะเดียวกันเมื่อคืนที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯก็ปรับลง สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกต่อความคาดหวังด้านดอกเบี้ยในทิศทางที่ผ่อนคลาย CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักปรับลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. ด้วยน้ำหนัก 50% ด้านปัจจัยในประเทศพบว่าวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลง 10 จุด (-0.83%) และเป็นการปรับลงแรงมากกว่าตลาดภูมิภาครับแรงกดดันจากหุ้น TRUE (มีผลต่อดัชนี 2.2 จุด) AOT (มีผลต่อดัชนี 1.7 จุด) GULF (มีผลต่อดัชนี 1.4 จุด) และ WHA (มีผลต่อดัชนี 1 จุด) สำหรับ WHA นั้นสาเหตุที่ราคาหุ้นปรับลงอาจเป็นเพราะผลประกอบการ 4Q24 แย่กว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินและอีกสาเหตุอาจเป็นเพราะเตรียมนำบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น (WHAID)

ซึ่งทำให้กำไรจาก WHA ที่รับรู้อาจน้อยลงแต่ก็มีปัจจัยหนุนคือจะได้เงินเพิ่มเติมจากการนำบริษัทลูกเข้าตลาดและนำเงินดังกล่าวไปลงทุนเพิ่มเติม เช่นกลุ่ม Logistic , กลุ่ม Digital ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมาหลายๆบริษัทจดทะเบียนก็ได้ทยอยประกาศกำไรออกมา ซึ่งมีทั้งดีและแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ (COM7 ดีกว่าคาด) , KCE SAPPE แย่กว่าที่คาดการณ์ (อิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus) ซึ่งล่าสุดนั้น Bloomberg ได้ปรับลดกำไรในปี 24 ลงสู่ระดับ 82.3 บาท / หุ้น จากก่อนหน้าที่ 87 บาท / หุ้น แต่อย่างไรก็ตามมิได้ปรับลดในปี 25 โดยกำไรในปี 25 อยู่ที่ 96 บาท / หุ้น จากก่อนหน้าที่ 97 – 98 บาท / หุ้น วันนี้คาดจะมีหุ้นขนาดใหญ่รายงานกำไรได้แก่ CPALL HMPRO CENTEL คืนนี้รอติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 102.7 วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1225 – 1245 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะสะสมได้เพราะ Valuation ยังไม่แพงแต่เน้นเลือกหุ้นมากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาไม่แพง อาทิ ส่งออก (ITC TU) ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)

AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท)
ผลประกอบการงวด 4Q24 ที่คาดว่าจะออกมาสูงถึง 1,251 ล้านบาท ได้รับผลดีจากยอดโอนที่ดินที่มากถึง 1,147 ไร่ หลังจากที่สามารถทำยอดขายทั้งปีได้กว่า 3,000 ไร่ และจากยอดขายที่ดีดังกล่าวทำให้มี Backlog สูงถึง 21,000 ล้านบาทซึ่ง จะเป็นปัจจัยที่หนุนผลประกอบการในปี 25 ทำให้เรามีการปรับกำไรขึ้นจากเดิม 27% มาอยู่ที่ระดับ 3,187 ล้านบาท สำหรับการขายที่ดินในปี 25 AMATA เบื้องต้นคาดไว้ที่ระดับ 2,000 ไร่ แบ่งเป็นที่ไทย 1,500 ไร่ และเวียดนามอีก 500 ไร่

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 17.60 บาท)
ผลประกอบการปี 25 ของ TU ยังเห็นการเติบโตได้ แต่ไม่มากนักเพราะได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 300-350 ล้านบาท เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิใหม่ที่ 5,012 ล้านบาท (+1%YoY) โดยทางผู้บริหารจะหันมาเน้นการเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นด้วยการตั้งเป้าเติบโต 3-4% ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารแช่แข็งที่สิ้นสุดมาตรการ Right Sizing แล้ว หรือธุรกิจอาหารแปรรูปที่จะเน้นสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเองมากขึ้นโดยเฉพาะที่ยุโรป อย่างไรก็ตามการเติบโตดังกล่าวจะเริ่มเห็นในช่วง 2Q25 เป็นต้นไปเพราะในช่วง 1Q25 ยังคงได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัท

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon