มิติหุ้น – นายชาญ ศิริรัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ท่ามกลางต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงและแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาด้าน ESG (Environment, Social, and Governance) ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นจากทั่วโลก ทัช พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทในเครือพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ด้านการบริหารจัดการพลังงานในอาคาร ผ่านบริการ Energy Consultancy ที่ปรึกษาด้านพลังงานสำหรับอาคาร ทั้งอาคารที่พักอาศัย โรงพยาบาล และอาคารเชิงพาณิชย์ อาทิ สำนักงานให้เช่า ห้างสรรพสินค้า อาคารมิกซ์ยูส ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อก้าวสู่การเป็นอาคารประหยัดพลังงานที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสู่แนวทางการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน
ต้นทุนพลังงานพุ่ง – อาคารต้องเร่งปรับตัว
ข้อมูลจาก รายงานสถิติพลังงานรายปี 2567 ของกระทรวงพลังงาน พบว่าการใช้ไฟฟ้าของภาคธุรกิจสำคัญในประเทศไทยยังคงขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่ม โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และเกสต์เฮาส์ ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังปี 2566 เป็นต้นมา ซึ่งการใช้พลังงานในอาคารนั้นระบบปรับอากาศ เป็นระบบที่ใช้พลังงานมากที่สุดภายในอาคาร
นอกจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นแล้ว แนวโน้มด้านความยั่งยืน (Sustainability) ก็กำลังเป็นประเด็นที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยในปัจจุบัน ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG มีความซับซ้อนและเข้มงวดมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องเผชิญแรงกดดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า นักลงทุน และพนักงาน ประกอบกับ ตลาดอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแรงขับเคลื่อนของนโยบายภาครัฐและมาตรการด้าน ESG ซึ่งกำลังกลายเป็นมาตรฐานสากลที่ธุรกิจจะต้องปรับตัว
ESG กับมูลค่าอาคารในระยะยาว
นอกเหนือจากการลดต้นทุนพลังงาน การมีอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังช่วย เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และ ดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติและบริษัทข้ามชาติ (Multi-National Company) ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน ESG
“การลงทุนในการปรับปรุง/เพิ่มประสิทธิภาพของระบบวิศวกรรมอาคารที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานอาคาร รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนที่มองหาอาคารที่มีแนวทางด้าน ESG ที่ชัดเจน แม้การพัฒนา Green Building จะมีค่าใช้จ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้นมา แต่การกำหนดอัตราค่าเช่าได้สูงขึ้น และ การประหยัดพลังงานได้ดีกว่าสำนักงานทั่วไป ทำให้การพัฒนา Green Building มีโอกาสคืนทุนเร็วกว่าสำนักงานทั่วไป 2-3 ปี ช่วยเพิ่มกำไรให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง” นายชาญกล่าว
ชูโรงบริการ Energy Consultancy ด้วย AIoT ช่วยประหยัดถึง 20%
บริการ Energy Consultancy ของทัชฯ มุ่งช่วยธุรกิจอาคารลดต้นทุนด้านพลังงานพร้อมกับพัฒนาให้มีความยั่งยืนและแข่งขันได้ในระยะยาว โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของทัชฯ จะเข้าไปสำรวจ ตรวจสอบ และให้คำแนะนำในการใช้พลังงานภายในอาคาร รวมไปถึง ช่วยในการจัดทำระบบจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
อีกหนึ่งบริการชูโรงของทัชฯ คือ ที่ปรึกษาการจัดการพลังงานระบบปรับอากาศ (AIoT for Chiller Plant) เป็นการนำสมาร์ทเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการใช้งานของระบบปรับอากาศ ให้มีการประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น สามารถติดตามและควบคุมการทำงานของเครื่องจักรได้แบบเรียลไทม์ (real-time) ช่วยลดการใช้พลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว ทั้งยังช่วยให้การบริหารจัดการระบบมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
ระบบ AIoT for Chiller Plant เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และ Artificial Intelligence (AI) เพื่อให้การบริหารจัดการระบบปรับอากาศ (Chiller Plant) มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้เซ็นเซอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตในการตรวจจับข้อมูลต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น การใช้พลังงาน และสถานะการทำงานของเครื่องจักร
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากเซ็นเซอร์จะถูกส่งไปยังคลาวด์หรือแพลตฟอร์มการบริหารจัดการ ซึ่ง AI จะทำการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุดในการปรับแต่งการทำงานของระบบ เช่น การปรับอุณหภูมิหรือการควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงในแต่ละช่วงเวลา
นอกจากนี้ ระบบยังสามารถแจ้งความผิดปกติของการทำงานของเครื่องจักร เพื่อช่วยในการวางแผนซ่อมบำรุงเครื่องจักรล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AIoT นี้ จะช่วยให้การจัดการระบบปรับอากาศมีความแม่นยำและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 15-20% ต่อปี
“ในยุคที่การใส่ใจสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ภาครัฐและภาคเอกชนต่างมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในวงการอสังหาริมทรัพย์ การสนับสนุนการสร้างอาคารเขียวและการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยภาครัฐเองก็มีการออกแคมเปญต่าง ๆ มาเป็นระยะเพื่อสนับสนุนการจัดทำอาคารเขียว โดยมีแคมเปญที่ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุน ซึ่งต้องคอยติดตามข้อมูลแคมเปญเป็นระยะ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการมุ่งสู่ความยั่งยืน ผ่านการผลักดันให้ธุรกิจอาคารและผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทัชฯ เองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญในการช่วยผู้ประกอบการและเจ้าของอาคารในการประหยัดพลังงาน เพื่อประโยชน์ทั้งในด้านภาพลักษณ์องค์กร การลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในอาคารที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับอาคารใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ผ่านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยดึงดูดทั้งนักลงทุนและผู้เช่า พร้อมทั้งช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายชาญกล่าวปิดท้าย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon