THAI สิ้นสุดแผนฟื้นฟู ขอกลับSETกลางปี

48

มิติหุ้น – THAI เผยรายได้ 67 มูลค่า  1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% YoYกำไร 4.1 หมื่นล้านบาท  เพิ่มขึ้น 3.2 YoY EBIT Margin ดีกว่าแผนฟื้นฟูคาดไว้ เผยขาดทุน 2.6 หมื่นล้าน หักต้นทุนแปลงนี้เป็นทุน เล็งตั้งผู้บริหารชุดใหม่ ก่อนสิ้นสุดแผนฟื้นฟู เพื่อเข้าตลาดอีกรอบในกลางปีนี้หลังทำกำไรเกินเป้า2หมื่นล้านบาท ปี68 จัดหาฝูงบินใหม่ รับเส้นทางขยาย อาทิ จีน อินเดีย และเยอรมัน

ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในปี 2567ว่า การบินไทยมีรายได้มูลค่า 187,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% เทียบกับปีก่อน (YoY) โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนทางการเงิน เท่ากับ 41,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% YoY โดยเฉพาะอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) (EBIT Margin) อยู่ที่ 22.1% ซึ่งผลดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ

ย้ำกำไรเป็นบวก ก่อนหักแปลงหนี้เป็นทุน

สำหรับ ตามงบการเงินรวมการบินไทยมีผลขาดทุน 26,901 ล้านบาท ถือเป็นผลขาดทุนทางบัญชี เกิดจากการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการมูลค่า 45,271 ล้านบาท ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา (พ.ย.น 2567) ส่งผลทำให้ขาดทุนทางบัญชีส่วนใหญ่ประมาณ 40,582 ล้านบาท เกิดจากการใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ราคาตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม

“การขาดทุน 26,901 ล้านบาท เป็นต้นทุนการเงิน ที่จะต้องแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ได้รับการชำระหนี้ที่เร็วกว่ากำหนดที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และไม่ได้ส่งผลต่อการออกจากการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นบวก”

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงาน หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน (EBITDA – Aircraft Cash Lease) ตามงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับงวด 12 เดือนย้อนหลังเท่ากับ 41,473 ล้านบาท ซึ่งไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท

ทั้งนี้หลังจากมีกำไรมากกว่า20,000 ล้านบาท ตามเงื่อนไขผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการ ที่ทำให้กิจการกลับมาเป็นบวกที่ 45,495 ล้านบาท จากที่เคยติดลบ 43,352 ล้านบาทในปี 2566 หลักๆ เกิดมาจากกำไรจากการดำเนินงานในระหว่างปี และผลจากการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ จึงถือว่าสามารถบรรลุเงื่อนไขผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการ ที่จะนำไปสู่กระบวนการออกจากแผนฟื้นฟู และกลับเข้าสู่การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใหม่ ประมาณเดือนมิถุนายน

ส่วนแผนการดำเนินงาน 2568 ยังคงมีแนวโน้มการเพิ่มรายได้ จาการขยายฝูงบิน ที่มีอยู่ 79 เพิ่มเป็น 88 ลำ โดยเพิ่มเส้นทางสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อาทิ จีน อินเดีย และเยอรมัน เป้าหมายผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 16.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มี 16 ล้านคน

“ทางการบินไทยมีประสิทธิภาพในการสร้างกำไรมากกว่าในช่วงก่อนโควิด ปี 2562  แม้จะมีผู้โดยสารน้อยกว่า โดยในช่วงโควิดมผู้โดยสาร 19.4 ล้านคน มีรายได้รวม 1.78 แสนล้านบาท เครื่องบิน 83 ลำ   ปี 2567 มี ผู็โดยสาร 16.1 ล้านคน มีรายได้ 1.87 แสนล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าในปัจจุบัน การบินไทยไม่ได้มีปัญหาด้านต้นทุนการแข่งขัน  แต่เครื่องบินไม่พอ เพราะมีเพียง 79 ลำ ”

ตั้งกรรมการ ก่อนออกจากแผนฟื้นฟู

สำหรับขั้นตอนตามแผนฟื้นฟูกิจการ จะมีการนัดประชุมคณะผู้บริหารแผนดำเนินการเพื่อบรรลุเงื่อนไขผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการข้อสุดท้าย โดยได้มีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นซึ่งจะจัดขึ้นตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568 และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและออกเสียงในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (Record Date) เป็นวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการบริษัท จำนวน 11 ท่านหรือ 12 ท่าน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการในปัจจุบันจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร และพลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย และกรรมการเข้าใหม่จำนวน 8 ท่านหรือ 9 ท่าน (ตามแต่จำนวนกรรมการที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติอนุมัติ)

โดยรายนามกรรมการเข้าใหม่ที่เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเลือกตั้งประกอบด้วยกรรมการจำนวน 6 ท่าน ได้แก่ นายลวรณ แสงสนิท ดร. กุลยา ตันติเตมิท นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร นายชาติชาย โรจน์รัตนางกูร และนายชาย เอี่ยมศิริ

ส่วนกรรมการอิสระจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล และนายสัมฤทธิ์ สำเนียง ทั้งนี้ ภายหลังจากบริษัทฯ ได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นแล้ว และได้รับอนุญาตจากศาลล้มละลายกลางแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงจำนวนกรรมการ และการแต่งตั้งจดทะเบียนกรรมการใหม่ ก่อนที่จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการต่อไป

อนุมัติ ลดค่าพาร์ ชดเชยขาดทุนสะสม

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ของหุ้นของบริษัทฯ จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชีของบริษัทฯ ให้ใกล้เคียงศูนย์มากที่สุด โดยจะทำให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ลดลงจากจำนวนประมาณ 283,033 ล้านบาท เป็นจำนวนประมาณ 36,794 ล้านบาท และทำให้ผลขาดทุนสะสมลดลงเหลือ 180 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้หรือบริษัทฯ แต่อย่างใด และไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมในงบการเงินของบริษัทฯ อีกทั้ง ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าบริษัทหรือมูลค่าต่อหุ้น เนื่องจากมูลค่าต่อหุ้นไม่ได้ถูกกำหนดจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) และเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอนาคตให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ รวมถึงเจ้าหนี้จากการแปลงหนี้เป็นทุน และเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของหุ้นให้แก่นักลงทุนภายหลังการกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือหากในอนาคต บริษัทฯ ต้องการที่จะระดมทุนเพิ่มเติมโดยการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำมาใช้ในการประกอบกิจการหรือชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ ก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ติดขัดเรื่องผลขาดทุนสะสมซึ่งเป็นเพียงตัวเลขทางบัญชีอีกต่อไป

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon