มิติหุ้น – (วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568) ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม: บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL Group และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มจากน้ำตาลและผลพลอยได้ ตลอดจนการขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เป็นประธานลงนามความร่วมมือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ที่มีคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างทางเลือก และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ได้มาตรฐานสากล และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภค โดยมี ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) นายสุขุม โตการัณยเศรษฐ์ กรรมการบริษัท นายโสมนัส โพธิสัตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักแผนกลยุทธ์และนวัตกรรมองค์กร และ คุณธีระ สงวนดีกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายปฏิบัติการ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เป็นรากฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ในขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน ภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อการผลิตอ้อย การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสุขภาพยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญ ขณะเดียวกันมีโอกาสที่สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มจากน้ำตาลและผลพลอยได้ รวมถึงการขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าวต่อว่า ในมิติของ สวทช. ซึ่งเป็น “ขุมพลังหลักของประเทศ” ที่สามารถใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ของรัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม ให้ตอบโจทย์สำคัญ นำสู่การพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ให้สามารถตอบโจทย์ประเทศในมิติทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการพึ่งพาตนเอง ดังนั้น ความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความพร้อมขององค์กรในการแข่งขันระดับสากล ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่ออนาคตอุตสาหกรรมในการร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำตาลให้แข็งแกร่งและมีความยั่งยืน อีกทั้งยังตอบโจทย์ มิติ สร้างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในโครงการ แพลตฟอร์มการผลิตอาหารและส่วนผสมฟังก์ชัน (FoodSERP) และตอบโจทย์ มิติที่สร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโครงการ Industry 4.0 Platform แพลตฟอร์มรวบรวมบริการและกิจกรรมช่วยผู้ประกอบการไทย ตามกลยุทธ์ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand) ของ สวทช. ซึ่งนับเป็นการสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนางานด้านวิชาการร่วมกันทั้งในปัจจุบันและอนาคต”
ด้าน นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL Group เป็น “ผู้อยู่เบื้องหลังความหวาน” ในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตจำหน่ายน้ำตาล และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2448 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 80 ของการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการ ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ มุ่งเน้นผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยโรงงานผลิตน้ำตาลของบริษัทฯ ดำเนินงานตามแนวคิด Bio-Refinery Complex ซึ่งเป็นระบบการจัดการโรงงานน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ประกอบด้วย โรงงานเอทานอล โรงไฟฟ้า และโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ ไว้ในที่เดียวกัน เพื่อสร้างระบบธุรกิจแบบครบวงจรที่มีของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste) เป็นการส่งเสริมแนวคิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดต้นทุนทางการผลิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานในหลายมิติ เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม เช่น การจัดหาวัตถุดิบ โดยการเก็บเกี่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพ เพื่อ “ตอบสนองความต้องการ และเทรนด์การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผู้บริโภค”
สำหรับด้านผลงานวิจัยผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องจากอ้อยและน้ำตาล บริษัทฯ ได้มีการร่วมศึกษาวิจัยกับ สวทช. ทั้งที่สำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมต่อยอดธุรกิจ และอยู่ระหว่างการวิจัยหลายผลงาน โดยบริษัทฯ และ สวทช. มีแผนงานวิจัยที่จะศึกษาและพัฒนาร่วมกัน เช่น Functional Sugar การสกัดลิกนิน ระบบ Automation การพัฒนาปุ๋ย รวมถึงการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากกากอ้อย ดังนั้นการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องซึ่งจะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมความร่วมมือการพัฒนาด้านวิชาการ สร้างโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพทางแข่งขัน และสร้างทางเลือกที่ดีกว่าให้แก่ผู้บริโภค ตลอดจนช่วยกันสร้างนวัตกรรมที่มีคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ให้สามารถเติบโตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก และสังคมอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและในระดับสากลต่อไป
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon