K Asset เผยประเด็นเคลือบแคลงธรรมาภิบาล บมจ.ในไทยจากนักลงทุน กระตุ้นให้กองทุนเข้าไปมอนิเตอร์ จับตาวิเคราะห์หารือ จนถึงจัดกลุ่ม Watch List หากมีจุดเสี่ยงหากยังไม่คลี่คลายได้ชัดเจน ถูกจัดใน Negative List
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมามีกรณีความเคลือบแคลงด้านธรรมาภิบาล เกี่ยวกับการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ ESG(สมดุล สิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล) โดยเฉพาะด้านธรรมาภิบาล จึงกระตุ้นให้กองทุนเข้าไปพิจารณาลงลึกในรายละเอียดบริษัทที่เข้าข่าวต้องสงสัย จะต้องปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาให้เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดกรณีข้อสงสัยด้านธรรมาภิบาล จึงต้องมีการวิคราะห์รายบริษัทลงลึกในรายละเอียด(Monitor)
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยจะต้องเข้าไปซักถาม หรือ เกิดกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถูกกล่าวหา และมีการตักเตือน ให้มีการชี้แจง และจัดกลุ่มแยกเป็น Watch List หากยังชี้แจงไม่ชัดเจน คลุมเคลือจะถูกจัดอยู่ในรายละเอียด Negative List
“ต้องลงลึกพิจารณาเจตนา ป้องกันหุ้นที่มีปัญหาในด้านธรรมาภิบาล มีการป้องกันก่อนเกิดประเด็น ด้วยการทำความเข้าใจรับฟังเหตุผล เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการลงทุนกับนักลงทุน”
สำหรับแนวทางการลงทุนด้านESG ของK Asset เริ่มมีความเข้มข้นขึ้น โดยการพัฒนากองทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเดินตามพันธสัญญาปารีส ในการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2065 โดยการขับเคลื่อนผ่านบริษัทในSET100 โดยใช้หลักเกณฑ์การวิเคราะห์คำนวณการลงทุนจาก ลอมบาร์ด โอเดียร์
ทรัมป์ แค่ชะลอESG โมเมนตัมยังแรงตามเทรนด์โลก
สำหรับ นโยบายทรัมป์ ทำให้กองทุนESG เผชิญกับความท้าทาย เพราะจุดยืนของทรัมป์ต่อต้านโลกสีเขียว ธุรกิจ ESG ทั้งนี้ โมเมนตัมของกระแสการลงทุน ESG เกิดขึ้นและเติบโตมากตั้งแต่ปี 2019-2021 ในยุคที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี มีอัตราการเติบโตสูง ดังนั้น การเข้ามาของทรัมป์2.0 จึงอาจจะแค่ชะลอการขับเคลื่อนได้เพียงชั่วคราว ไม่สามารถหยุดกระแสโลกที่กำลังไปสู่ธุรกิจยั่งยืนได้ โดยเฉพาะก่อนหน้าอเมริกาได้สนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานทางเลือกจำนวนมาก
ส่วนแบ่งกองทุน ESG สูงสุดในตลาด
ในปี 2024 ที่ผ่านมา K Asset ได้ลงทุนใน ThaiESG & ESG Fund โดยใน ThaiESG มี สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM -Asset Under Management) สูงที่สุดในตลาด มูลค่า 8,247 ล้านบาท มีส่วนแบ่งทางการตลาด 26%
“K Asset มีAumในปัจจุบันมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท เป้าหมายผลักดันให้เติบโตอีกภายใน 2 ปี เพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท โดยใช้ESG เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุน”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon