Pi Daily ตลาดหุ้นไทยยังไร้ความเชื่อมั่น Valuation ถูกแล้วก็ตามแต่ทิศทางข้างหน้าอาจไม่ชัดเจน ทรัมป์ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษี Canada , Mexico แต่ตลาดเหมือนยังไม่คลายกังวล กลยุทธ์เน้นหุ้นกำไรดี

18

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 427 จุด (-1%) นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจกับทิศทางการค้าสหรัฐฯกับนานาประเทศ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.2% ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน เพราะปัจจัยกดดันจากสงครามการค้า

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.2 แสนราย ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.3 แสนราย หลังจากนั้นพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับขึ้นเล็กน้อย ทั้งรุ่นอายุ 2 , 10 ปี อย่างไรก็ตามค่าเงิน Dollar ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง ขณะเดียวกันทรัมป์ได้ประกาศเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าจาก Canada , Mexico ออกไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. แต่อย่างไรก็ตามตลาดก็ดูมิได้ตอบรับเชิงบวกเท่าใดนัก ส่วนด้าน EU ธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาปรับลดดอกเบี้ยแต่ก็เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้ โดยตลาดหุ้นฝั่ง EU ส่วนใหญ่ปิดในแดนบวก คืนนี้รอติดตามตัวเลขสำคัญได้แก่การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ อัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.59 แสนรายและ 4% ตามลำดับ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรนั้นที่คาดการณ์คล้ายกับว่าจะเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 1.43 แสนราย สะท้อนมุมมองเชิงบวกของนักวิเคราะห์ แต่หากผิดไปจากคาดการณ์ประเมินตลาดอาจตอบรับเชิงบวก

โดยนักลงทุนเริ่มมีความหวังมากขึ้นต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ CME FED Watch เริ่มมองถึงโอกาสลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะช่วงหลังๆตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ SET INDEX พลิกกลับมาปรับลง 17.4 จุด (-1.4%) โดยที่มิได้มีปัจจัยกดดันแต่อย่างใดในทางกลับกันพบว่าตลาดหุ้นฝั่งเอเชียส่วนใหญ่เป็นบวก (HK +3.3% Vietnam +1%) สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนที่ค่อนข้างต่ำ ภายหลังปิดตลาดพบว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4.7 พันล้านบาทแต่สถาบันซื้อสุทธิ 1.3 พันล้านบาท เรามองการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องสะท้อนความเชื่อมั่นที่น้อยลงไปทุกที แม้ Valuation จะถูกแล้วแต่โอกาสเติบโตในอนาคตของกำไรบริษัทจดทะเบียนยังไม่ชัดเจนและเศรษฐกิจก็เริ่มขยายตัวน้อยลงทำให้ระดับการยอมรับ Valuation อาจถูกลดทอนตามไป วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1175 – 1200 อาจเผชิญแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศ (Nikkei -1.9%) เพราะสถานการณ์การค้ายังไม่แน่นอน ดังนั้น เชิงกลยุทธ์การลงทุนให้เน้นเป็นรายตัวในหุ้นที่ผลประกอบการไม่ผันผวนกับภาวะเศรษฐกิจและมีความสามารถในการแข่งขันที่สูง อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ส่งออก (ITC TU) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) นิคมอุตสาหกรรม (WHA)

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท)
ปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 1Q25 ยังเห็นการเติบโตได้ดีจากราคาเนื้อสุกรที่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งที่ไทยและเวียดนาม ขณะที่ต้นทุนแม้ข้าวโพดจะขึ้นเล็กน้อยแต่กากถั่วเหลืองยังปรับตัวลงต่อจึงจะเป็นผลดีต่อต้นทุนการเลี้ยงได้ ซึ่งทำให้เรามีการปรับกำไรสุทธิในปี 25 ขึ้นเป็น 19,448 ล้านบาท (ทรงตัวจากปี 24 แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 4%YoY) ขณะที่รายได้ผู้บริหารคาดการเติบโตที่ระดับ 5-8% (เราคาดเติบโต 5% มาอยู่ 612,233 ล้านบาท)

BA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท)
มองว่าผลประกอบการยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังไม่สูงนัก อย่างไรก็ตามเราผลประกอบการช่วง 1Q25 ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะฐานสูงในปีก่อน นอกจากนี้มองค่าโดยสารยังอยู่ในระดับสูงที่ 4200 บาท เพิ่มจากปี 24 ได้เล็กน้อยเพราะปัจจุบัน Demand การเดินทางยังคงสูงกว่า Supply เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนอยู่

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon