CGSI : ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นไทยปี 2568 ลง 2% หลังบริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/67

13

มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทจดทะเบียนที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯศึกษาทำกำไรสุทธิรวมในไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้น 23% yoy และ 12% qoq กลุ่มที่มีกำไรสุทธิเติบโตสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายของปีได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น, กลุ่มอาหาร, กลุ่มโรงแรม, กลุ่มโทรคมนาคมและกลุ่มขนส่ง

ส่วนกลุ่มที่มีกำไรสุทธิเติบโตต่ำสุดคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มบรรจุภัณฑ์, กลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิโดยรวมในปี 67 ของบริษัทที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯศึกษาลดลง 2% yoy ซึ่งมองว่ายังยอมรับได้เนื่องจาก GDP ของไทยขยายตัวเพียง 2.5% ในปี 67

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า หลังบริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/67 แล้ว พบว่าบริษัทที่ทำการศึกษาประมาณ 16% ทำกำไรได้ดีกว่าคาด ส่วน 27% ทำกำไรต่ำกว่าคาด และอีก 57% ทำกำไรสอดคล้องกับประมาณการ ดังนั้นหลังฤดูประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/67 ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงปรับประมาณการ EPS ของตลาดลง 2% ในปี 68 และ 1.6% ในปี 69 เท่ากับว่าในปัจจุบันคาดว่าตลาดจะมีกำไรปกติต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% เป็น 91.5 บาทในปี 68 และเพิ่มขึ้น 8% เป็น 98.7 บาทในปี 69 เทียบกับ 78.7 บาทในปี 67

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร ซึ่งน่าจะเป็นช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.68 โดยเชื่อว่านายกรัฐมนตรีน่าจะรอดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยในเดือนมี.ค.จากความตึงเครียดระหว่างพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีจำนวนส.ส. มากสุดเป็นอันดับสอง เชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างสองพรรค อาจทำให้การอนุมัติโครงการสำคัญของรัฐบาลเกิดความล่าช้า เช่นพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex

จากปัจจัยลบที่รุนแรงทั้งในประเทศและนอกประเทศ ทำให้เรายังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 อยู่ที่ 1,380 จุด ซึ่ง จะเท่ากับ P/E 14 เท่าในปี 69 หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี รวมทั้งเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทน จากเงินปันผลสูงและหุ้นในกลุ่มปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าหุ้นที่มีราคาดิ่งลงแรงก่อนหน้านี้ น่าจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อ sentiment ตลาดกลับมาเป็นบวก

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำอาจมี downside risk หากความตึงเครียดทางการเมืองยกระดับขึ้นและสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีสินค้าส่งออกจากไทย ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 อาจส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ดังนั้นหุ้น Top pick จึงประกอบด้วย BH, CBG, CPALL, CPN, HANA, KTB, MINT, MTC, PTTEP, SCB, PR9 และ SIRI

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon