Pi Daily เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำคาดการณ์ อาจหนุนตลาดหุ้นไทยระยะสั้น ส่วนการปรับฐานของหุ้นไทยยังเชื่อว่ามาจากพื้นฐานที่อาจไม่แข็งแกร่งมากนัก ใดๆก็ตามหุ้นหลายตัวลงมาจนน่าสนใจ โดยเฉพาะปันผลสูง อาจเป็นโอกาสสะสม

19

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 82 จุด (-0.2%) นักลงทุนยังคงกังวลกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2% หลังจากสหรัฐฯเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดหมายไว้และสต็อกเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ก.พ. ขยายตัว 2.8%YoY ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.9%YoY ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานก็ขยายตัวเพียง 3.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เช่นกัน เงินเฟ้อที่ขยายตัวไม่สูงมากนักหลักๆมาจากการลดลงของราคาพลังงาน (-3%YoY) น้ำมันเตา (-5%YoY) อย่างไรก็ตามในรายการสินค้าอื่นๆส่วนใหญ่แล้วเห็นการขยายตัว โดยรวมแล้วเมื่อคืนทำให้ US Bond Yield ปรับขึ้นมาเล็กน้อยสะท้อนมุมมองต่อเงินเฟ้อที่อาจยังมิได้ผ่อนคลายมากนัก แม้เงินเฟ้อจะต่ำกว่าคาดหมายไว้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสงครามการค้าของสหรัฐฯกับนานาประเทศจะเป็นปัจจัยเร่งระดับราคาสินค้า สำหรับ CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. ด้วยความน่าจะเป็นที่ค่อนข้างสูง (69%) สะท้อนถึงมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ค่อนข้างมากขึ้น ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ SET INDEX ลดลง 27 จุด (-2.3%) ค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับภูมิภาค

โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 2.9 พันล้านบาทและทำให้ YTD สะสมแล้วขายสุทธิ 2.9 หมื่นล้านบาท แม้จะมีข่าวการกระตุ้นตลาดหุ้นด้วยการใส่เม็ดเงินกองทุน Thai ESGX แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถเข้ามาหนุนตลาดหุ้นได้ ซึ่งอาจเกิดจากทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ไม่ชัดเจน อุตสาหกรรมในตลาดหุ้นที่เป็นโลกเก่า สวนทางกับประเทศอื่นๆที่มี Technology และเศรษฐกิจก็ขยายตัวได้ดีกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นนักลงทุนต่างชาติจึงมีทางเลือกที่ดีกว่าไทย ประกอบกับการท่องเที่ยวที่เคยเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจและความน่าสนใจของประเทศไทยก็พบว่าล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมในช่วง 1 ม.ค. – 9 มี.ค. อยู่ที่ 7.6 ล้านราย (+4%YoY) การเติบโตเริ่มน้อยลงจากปีก่อนที่ขยายตัวในระดับ 2 หลัก ขณะที่นักท่องเที่ยวก็เห็นสัญญาณใช้จ่ายน้อยลงผ่านสนามบิน เพราะสะท้อนจาก King Power ปัจจัยหนุนอย่างเดียวของตลาดหุ้นไทย ณ เวลานี้คือ Valuation ไม่แพง + ปันผลที่สูง จึงอาจเหมาะกับนักลงทุนที่แสวงหาหุ้นปันผล คืนนี้รอติดตามดัชนี PPI ของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.3%MoM วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1150 – 1170 เชิงกลยุทธ์การลงทุนด้วยหุ้นไทยที่ไม่แพงแต่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นให้มาก หุ้นที่น่าสนใจยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (CPALL CRC) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) โรงพยาบาล (BDMS) ระยะสั้นอาจเลือกเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน (PTTEP) อาหารสัตว์ (CPF)

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
ประกาศกำไรสุทธิที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+11% YoY) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด จาก 1) ความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มขึ้น หนุนรายได้ค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยที่สูงขึ้น (+7% YoY) โดยเฉพาะในผู้ป่วยต่างชาติ (+11% YoY) 2) จำนวนผู้ป่วยที่เติบโต ประกอบกับสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่สูงขึ้นอยู่ที่ 28% (+1 ppts YoY) และ 3) สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจากมาตราการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อนปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท)
ปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 1Q25 ยังเห็นการเติบโตได้ดีจากราคาเนื้อสุกรที่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งที่ไทยและเวียดนาม ขณะที่ต้นทุนแม้ข้าวโพดจะขึ้นเล็กน้อยแต่กากถั่วเหลืองยังปรับตัวลงต่อจึงจะเป็นผลดีต่อต้นทุนการเลี้ยงได้ ซึ่งทำให้เรามีการปรับกำไรสุทธิในปี 25 ขึ้นเป็น 19,448 ล้านบาท (ทรงตัวจากปี 24 แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 4%YoY) ขณะที่รายได้ผู้บริหารคาดการเติบโตที่ระดับ 5-8%

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon