BLCP นำเทคนิคดักคาร์บอนญี่ปุ่น ต่อยอดเกษตรไทยกู้โลก

54

BLCP  ผนึก Algo Bio วิจัยต่อยอดวิธีการดึงจุลสาหร่าย ดูดซับคาร์บอน เปลี่ยนเป็นยา เครื่องสำอางค์ คาดใน 3 ปี ขยายผลเชิงพาณิชย์ สอดคล้อง นโยบาย BCG ยกระดับผลผลิตเกษตร ไบโอชีวภาพไทยกอบกู้โลก

ในยุคที่วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบต่อโลกอย่างเห็นได้ชัด ทั้งอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น และผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม ภาคธุรกิจไทยกำลังแสดงบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหานี้ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการล่าสุดที่น่าจับตามองระหว่างบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด หรือ โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP Power Limited) และ บริษัท Algal Bio จากประเทศญี่ปุ่น

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) สำนักงานกรุงเทพฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EECO) ได้รับทุนสนับสนุนจาก METI Global South Grant Program โดย METI หรือ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry) เป็นผู้ให้ทุนหลักและออกค่าใช้จ่ายการพัฒนาโครงการ “Microalgae CCUS” โครงการพัฒนาการกักเก็บคาร์บอน ที่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความร่วมมือสร้างความยั่งยืนระหว่างไทยและญี่ปุ่น  Thailand-Japan Sustainable Business Forum 2025 ได้สนับสนุน บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด หรือ โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP Power Limited) และ บริษัท Algal Bio จากประเทศญี่ปุ่น ร่วมวิจัยและพัฒนาแนวทางดักจับคาร์บอนโดยใช้จุลสาหร่าย ที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการแยกคาร์บอน ที่มีข้อเสียคือต้นทุนยังสูง

เปลี่ยนคาร์บอน เป็นสารตั้งต้นเพื่อคนอายุยืน

แนวคิดการพัฒนาโครงการนำคาร์บอนไดออกไซด์เพาะเลี้ยงจุลสาหร่าย และนำไปพัฒนาสู่ชีวมวลที่ได้ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ โดยมุ่งสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียวตามแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) สอดคล้องกันกับกับ นโยบายหลักของรัฐบาลไทย โดบมีกระบวนการเริ่มต้นจากศึกษาความเป็นไปได้ในช่วงกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

สำหรับในปี 2568 เป็นขั้นตอนการทดสอบการเพาะเลี้ยงและทดสอบความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์จนถึงธันวาคม 2568 และจึงเข้าสู่การประเมินการ พร้อมกันกับขยายผลการพัฒนาในปี 2569  โดยค่าใช้จ่ายของโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมทุน METI Global South ปี 2568

“นวัตกรรมการใช้จุลสาหร่ายดักจับคาร์บอน โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และ Algal Bio แสดงให้เห็นว่าวิธีการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องเป็นภาระทางเศรษฐกิจ แต่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ยั่งยืนได้ โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่สมดุลทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมหรือ ESG อีกทั้งยังเป็นไปตามแนวทาง BCG Economy ที่ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าไปอีกด้วย

จับคู่ขยายองค์ความรู้ BLCP-Algo

โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานชั้นนำของไทยที่กำลังเดินหน้าโครงการลดคาร์บอนหลายรูปแบบ เพื่อบรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน ( Carbon Neutrality) จึงพัฒนาโครงการเผาไหม้ร่วมด้วยแอมโมเนียและชีวมวล โครงการดักจับและใช้ประโยชน์คาร์บอน (CCU) รวมถึงโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) เพื่อช่วยดปริมาณก๊าซเรือนกระจก และยังนำชีวมวลจากจุลสาหร่ายไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น เชื้อเพลิงชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารสัตว์ และเครื่องสำอาง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

ขณะที่พันธมิตรจากญี่ปุ่น Algal Bio ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจุลสาหร่ายระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 โดยพัฒนาองค์ความรู้จากงานวิจัยกว่า 20 ปีที่มหาวิทยาลัยโตเกียว และครอบครองคลังสายพันธุ์จุลสาหร่ายถึง 100 สายพันธุ์ 1,260 สายพันธุ์ย่อย จึงมีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับวิธีการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสม เคยดำเนินโครงการทดสอบแนวคิด CCUS ในญี่ปุ่นระหว่างปี 2565-2567 ร่วมกับบริษัทไฟฟ้าคันไซ โดยการสนับสนุนจาก NEDO องค์กรพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่ถือว่าประสบความสำเร็จ จึงต้องการนำประสบการณ์มาต่อยอดในประเทศไทย

จุลสาหร่าย พืชอนาคตลดโลกร้อน

ทั้งนี้ จุลสาหร่ายมีข้อได้เปรียบหลายประการในการดักจับคาร์บอน 5 ด้าน ประกอบด้วย

  1. มีประสิทธิภาพสูง จุลสาหร่ายสามารถดูดซับก๊าซไอเสีย (CO₂) ได้โดยตรงจากแหล่งกำเนิด โดยไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการดักจับแบบซับซ้อนและมีต้นทุนสูง
  2. ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ชีวมวลที่ได้จากจุลสาหร่ายเป็นส่วนผสมที่มาจากพืช มีการใช้งานที่หลากหลาย สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงได้
  3. ต้นทุนต่ำ เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น DAC (Direct Air Capture) หรือการผลิตทางชีวเคมี การใช้จุลสาหร่ายมีต้นทุนการลงทุนที่ต่ำกว่า
  4. ตอบโจทย์เทรนด์เศรษฐกิจหมุนเวียน เพราะเป็นแนวคิดของการนำทรัพยากรเก่าที่เป็นของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon