CGSI : Trend Spotter

11

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดดีดรีบาวด์ในวันศุกร์ (14 มี.ค.) ดัชนีหลักทั้ง 3 ตลาดของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยดัชนี DJIA (+1.7%), S&P500 (+2.1%) และ Nasdaq (+2.6%) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (MSTR, SMCI, NVIDIA) จากการซื้อหุ้นกลับหลังกลุ่มเทคฯ ถูกเทขายอย่างหนักก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปรับตัวลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของปธน.ทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า ทำให้นักลงทุนเลี่ยงการลงทุนใน
สินทรัพย์เสี่ยงไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยแทน เช่น ทองคำ

ด้านตลาดทองคำ ราคา COMEX ปิดที่ US$3,001 /oz (+0.3%) เนื่องจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามการค้าของปธน. ทรัมป์

Fund Flow : ในสัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากโซนเอเชียสุทธิ US$6.3bn นำโดยไต้หวัน US$3.8bn เกาหลี US$1.5bn ส่วนทางฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกมากสุด ได้แก่ ไทย US$248m มาเลเซีย US$239m แต่ไหลเข้าฟิลิปปินส์เล็กน้อย US$32m
แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังมีโอกาสไหลออกต่อเนื่องโดยยังถูกกดดันจากสงครามการค้า

ติดตามการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้ (18-19 มี.ค.) คาดว่าเฟดจะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ4.25-
4.50%

• SET Index : เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,155-1,185 จุด แม้คาดว่าวันนี้ดัชนี SET มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ หลังแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาเมื่อวันศุกร์และนักลงทุนต่างชาติชะลอแรงขายในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กอปร sentiment บวกตามตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดภูมิภาควันนี้ อย่างไรก็ตามตลาดยังคงมีความกังวลสถานการณ์สงครามการค้าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง อาจส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

เรายังคงแนะนำกลุ่ม Defensive play (BH, PR9, BDMS), High yield (SCB, KBANK, KTB, SIRI)

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ 1) การประชุมของธนาคารกลาง FOMC และ Dot Plot ของเฟด (18-19 มี.ค.) / BOJ (19 มี.ค.) / BOE (20 มี.ค.) 2) สถานการณ์เกี่ยวกับนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯและประเทศคู่ค้ 3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน 4) ทิศทาง Fund Flow

สำหรับปัจจัยในประเทศติดตามการประชุมครม. เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ผลการสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

• หุ้นแนะนำ
KBANK : ธนาคารประกาศจ่ายปันผลพิเศษเพิ่มอีก 2.50 บาท/หุ้น (XD 15 พ.ค.) เมื่อรวมกับปันผลงวดสุดท้าย 8.00 บาท/หุ้น (XD 17 เม.ย.) เท่ากับ 10.50 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield รวม 7%
(Take profit : 154.0 / Stop loss : 146.0)

BMDS : เราเชื่อว่าสถิตินักท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งทำให้รายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติเติบโตเร็วขึ้น
ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยบวกสำหรับ BDMS ในปี FY25
(Take profit : 25.0 / Stop loss : 22.50)

Link : https://resmail.cgsi.com/l/763223/2025-03-16/2spltvr

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon