CGSI : กลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น การกลับมาของอุปทานพลังงานจากรัสเซีย จะกระทบค่าการกลั่น

18

มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า รายงานข่าวของ Reuters เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 68 ระบุว่า ทรัมป์มีแผนผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หากยอมรับข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาพลังงานโลก ขณะที่ cargo น้ำมันจากรัสเซียที่ตกค้างอยู่จากปัญหาการขนถ่ายน้ำมันที่ท่าเรือของจีนและอินเดีย น่าจะเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง หากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

อีกทั้งมติของ OPEC+ ที่จะทยอยเพิ่มการผลิตน้ำมันอาจทำให้มีน้ำมันจากรัสเซียเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในเดือนเม.ย. 68 ส่วนสถานการณ์ของตลาดโรงกลั่น ฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดว่า crack spread ของน้ำมันดีเซลจะลดลง เมื่อรัสเซียกลับมาส่งออกน้ำมันดีเซลและ HVGO (high vacuum gas oil)

ขณะเดียวกัน แนวโน้มที่ก๊าซจากรัสเซียจะขนส่งผ่านท่อส่งก๊าซของยูเครนอาจส่งผลให้ราคาก๊าซในยุโรปปรับฐานเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้มีการใช้น้ำมันแทนก๊าซน้อยลง ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงมองว่าน่าจะมีเพียง crude premium ที่ลดลงของน้ำมันจากตะวันออกกลางที่จะสามารถลดแรงกดดันต่อค่าการกลั่น (GRM) ของโรงกลั่นไทยได้บางส่วน

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ตามข้อมูลของ Energy Aspect (ผู้ให้บริการด้านข้อมูลพลังงาน) โรงกลั่น Olmeca ในประเทศเม็กซิโก (340kbd) อาจต้องเลื่อนกำหนดเปิดออกไปอีกจากไตรมาส 2/68 เป็นไตรมาส 2/69 จากปัญหาทางเทคนิค ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงปรับลดประมาณการกำลังการผลิตส่วนเพิ่มจากโรงกลั่นทั่วโลกเป็น 842kbd ในปี 68, 712kbd ในปี 69 และ 417kbd ในปี 70 (จาก 927kbd, 842kbd และ 162kbd ตามลำดับ) โดยยังคงมองว่ากำลังการกลั่นทั่วโลกจะสมดุลมากขึ้นตั้งแต่ปี 68 เมื่อการขยายกำลังการผลิตชะลอตัวลงอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม การที่ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินทั่วโลกอาจอ่อนตัวกว่าคาด และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวเพราะสงครามการค้า ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ฯตัดสินใจปรับลดสมมติฐานค่าการกลั่นสิงคโปร์ จาก 5.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 5.1 เหรียญ สหรัฐ/บาร์เรลในปี 68 แต่ยังคงสมมติฐานปี 69-70 อยู่ที่ 6.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลและ 7.1 เหรียญ สหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า ค่าการกลั่น (GRM) ตลาดของโรงกลั่นไทยยังอยู่ภายใต้แรงกดดันในช่วงครึ่งปีแรก 68 นี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มการผลิตของโรงกลั่นใหม่ รวมถึงอุปสงค์ที่อ่อนตัวท่ามกลางสงครามการค้าโลก ขณะที่ดีลซื้อกิจการของ SPRC (ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน) และ BCP (โรงกลั่นศรีราชา) ในปี 65-66 ไม่ได้ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากนัก

อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ “ซื้อ” SPRC ที่ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท เพราะบริษัทให้ความสำคัญกับการจัดสรรกระแสเงินสดเพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ แม้ในช่วงที่ EPS ผันผวน ทั้งนี้ประมาณการว่า SPRC จะยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 7.7% ในปี 68

ขณะที่ยังแนะนำ Neutral กลุ่มโรงกลั่นไทย ซึ่งคำแนะนำจะมี upside risk หากความต้องการน้ำมันในตลาดโลกแข็งแกร่งกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากการที่รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงราคาพลังงาน

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon