มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ผู้บริหาร CK กล่าวในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 โดยคาดว่า CK จะรับรู้รายได้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทในปี 68 นี้ หรือเพิ่มขึ้น 7% yoy ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.8 หมื่นล้านบาท เพราะเชื่อหลวงพระบางและโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ จึงปรับประมาณการรายได้ลงตามแนวทางที่ผู้บริหารให้ไว้ ขณะเดียวกัน CK คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะอยู่ที่ประมาณ 7-8% ในปี 68 เทียบกับ 7.3% ในปี 67 ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯ
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า CK มีแผนจะขายหุ้น 10% จากทั้งหมดที่ถืออยู่ 20% ในบริษัทหลวงพระบาง พาวเวอร์ (LPCP) โดยขายให้กับบริษัทร่วม (CK ถือหุ้น 19.4%) คือบริษัท ทีทีดับบลิว (TTW) มูลค่า 2,765 ล้านบาท ซึ่งหากแผนดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 เม.ย.68 CK คาดจะดำเนินการได้ในวันที่ 30 ก.ย. 68 และรับรู้กำไรจากการซื้อขายหุ้นจำนวน 1.5 พันล้านบาทในไตรมาส 3/68
ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงรวมกำไรจากการซื้อขายหุ้นไว้ในประมาณการปี 68 ส่งผลให้ EPS ในปี 68 เพิ่มขึ้น 72% อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการ EPS ในปี 69-70 ลง 4-5% หลังปรับลดสมมติฐานอัตราการเติบโตของ รายได้
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า CK มียอด backlog ประมาณ 2.10 แสนล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 4/68 หรือเทียบเท่ากับรายได้ประมาณ 5 ปี ซึ่งมองว่าเป็นระดับที่ปลอดภัยมาก ดังนั้นแม้ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจทำให้ชะลอโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบางส่วน เช่น โครงการรถไฟทางคู่ แต่ CK น่าจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผู้รับเหมารายอื่น นอกจากนี้ backlog มากถึง 79% ยังมาจากโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบางและโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเชื่อว่าเป็นโครงการที่มี GPM สูง
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า นักลงทุนรับรู้ความกังวลเกี่ยวกับราคาปูนซีเมนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางการเมืองแล้ว หลังราคาของ CK ปรับตัวลง 25% YTD เทียบกับดัชนี SET ที่ -16% ปัจจุบัน CK ซื้อขายอยู่ที่ P/BV ประมาณ 0.9 เท่าในปี 68 หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี จึงมองว่าการประเมินมูลค่าในขณะนี้สะท้อน ความเสี่ยงแล้วและมี downside จำกัด
จึงยังแนะนำ “ซื้อ” CK ที่ราคาเป้าหมายเดิม 19 บาท เท่ากับ P/BV 1.1 เท่าในปี 68 หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ยห้าปี โดยเชื่อว่าราคาของ CK อาจปรับตัวขึ้นหากบริษัทมีผลประกอบการแข็งแกร่งรายไตรมาสและชนะประมูลโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่วน downside risk จะมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและราคาวัสดุก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้น
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon