มิติหุ้น – ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เผยแผนธุรกิจปี 2568 ชูกลยุทธ์ Resilience Leads To Sustainable Growth ผ่านกุญแจ 7 ข้อ แห่งความสำเร็จ สร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน เปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายรวม 30,000 ล้านบาท และรายได้รวม 14,000 ล้านบาท มุ่งสร้าง รายได้และกำไร ระยะยาว เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินจากกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโต
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้นในลักษณะ Holding Company โดยจะเป็นการลงทุนถือหุ้นใน 5 กลุ่มธุรกิจหลักในบริษัทย่อย บริษัทร่วมค้า ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ (1) กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประเภทคอนโดมิเนียม ภายใต้ ออริจิ้น เวอร์ติเคิล, (2) ในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประเภทบ้านจัดสรร ภายใต้บริทาเนีย หรือ BRI, (3) กลุ่มธุรกิจบริการ ภายใต้พรีโม่ เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI, (4) กลุ่มธุรกิจ Hospitality and Tourism & Service ภายใต้ออริจิ้น โฮเทล และ (5) กลุ่มธุรกิจ Logistics and Warehouse ภายใต้ แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น รวมโครงการกว่า 198 โครงการ เตรียมแผนการเติบโตในอนาคตสำหรับที่ดินบนทำเลศักยภาพในการเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงมี Backlog กว่า 44,562 ล้านบาท หนุนการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 4 ปี
โดยปี 2568 บริษัทจะเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ “Resilience Leads To Sustainable Growth” สร้างความยืดหยุ่นในการบริหารองค์กร พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง สู่การเป็นผู้นำและการเติบโตอย่างยั่งยืนบนโอกาสใหม่ เพื่อสร้างความสมดุลในระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วย 7 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ (7 KEYS TO SUCCESS ) 1. FOCUS ON MAINSTREAM REVENUE, 2. UNIQUE VALUE PROPOSITION, 3. MARKET EXPANSION, 4. DIGITAL TRANSFORMATION, 5. FINANCIAL STRUCTURE MANAGEMENT, 6. CUSTOMER FINANCIAL SUPPORT, 7. ESG & GREEN REVOLUTION
แผนเปิดโครงการใหม่และเป้าหมายปี 2568
-เปิดโครงการใหม่ (New Project Launch) ทั้งพื้นที่ในกรุงเทพและต่างจังหวัดจำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท เป็นคอนโดจาก ORIGIN VERTICAL จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท และเป็น บ้านจาก BRITANIA จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท
-เป้ายอดขาย (Presales) รวม 30,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวม (Total Revenue) 14,000 ล้านบาท
-ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ (Transfer Activities) ห้องชุดคอนโดและบ้านจัดสรร จำนวน 22,000 ล้านบาท
จากโครงการที่เปิดขายใหม่และอยู่ระหว่างดำเนินการ (Ongoing) บวกกับการทำการตลาดในเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง มั่นใจว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้า คือที่ 30,000 ล้านบาท ตลาดในประเทศไฮไลท์ปีนี้ ORI ได้ดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ร่วมเป็นแอมบาสเดอร์อีกครั้งหลังจากที่ร่วมงานกันมาเมื่อ 8 ปีก่อน มาเป็นครอบครัวคอนโดออริจิ้นและบ้านบริทาเนียกับ ‘ณเดชน์’ ”เพื่อสร้าง Brand Awareness และตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ชัดเจนขององค์กร โดยจะเห็นการ Collab ร่วมกันผ่านแคมเปญทางการตลาดตลอดปี 2568 ขณะที่ตลาดต่างประเทศนอกจากแต่งตั้ง Master agent เป็นตัวแทนขาย การเดินสายโรดโชว์ไปยังตลาดประเทศใหม่ๆ แล้ว ยังสร้างกลยุทธ์เชิงรุกด้วยการคว้าตัวศิลปิน ดารา เซเลป ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาเป็นพรีเซนเตอร์ ล่าสุดได้นักแสดงชื่อดังชาวจีน-ฮ่องกง “Irene Wan(เวินปี้เสีย)” เป็นพรีเซ็นเตอร์นำคอนโดมิเนียม แบรนด์ Park Origin Collection บุกตลาดเอเชีย
สร้าง “รายได้-กำไร” กลุ่มธุรกิจใหม่
ORI ยังเดินหน้าองค์กรเพื่อสร้าง “รายได้และกำไร” ระยะยาว จาก New Business Model ส่วนอื่นที่มีการขยายการลงทุนไปก่อนหน้า สำหรับธุรกิจโรงแรม 9 แห่ง ที่เปิดดำเนินการแล้ว รวมทั้งโครงการที่อยู่ในบริษัทร่วมทุนและไม่ใช่บริษัทร่วมทุน ในปี 2567 มีรายได้โรงแรม กว่า 1,472 ล้านบาท และ EBITDA กว่า 514 ล้านบาท
“ธุรกิจโรงแรมเราพัฒนาแบบครบวงจร โดยแผนปี 2568 จะเปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ 1 แห่งในกรุงเทพฯ ภายใต้รูปแบบ Dual Brand และ 2 แห่งเป็นการ Re-opening จากที่ acquire มาในปี 2566 ซึ่งเป็นโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่ จะส่งผลให้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทมีการขยายตัวมากขึ้น ทั้งในแง่ของจำนวนห้องพักและโอกาสในการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานโรงแรมในทำเลที่มีศักยภาพสูง” นายพีระพงศ์ กล่าว พร้อมยังกล่าวอีกว่าอีก 1 เครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนคือ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น ที่ประกอบธุรกิจด้านคลังสินค้า (Warehouse) ปัจจุบันมีอัตราการเช่าสูงถึง 97.6% “ทั้งนี้ คลังสินค้าทั้ง 9 แห่งอยู่ในทำเลยุทธ์ศาสตร์สำคัญๆได้แก่ ทำเลรังสิต, บางนา กม.22, บางนา กม.19, บางนา กม.23, แหลมฉบัง, พานทอง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมพื้นที่กว่า 400,000 ตารางเมตร ตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 1 ล้านตารางเมตร ในอีก 5 ปี ข้างหน้า” นายพีระพงศ์ กล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon