มิติหุ้น – Trend Spotter
สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สามติดต่อกัน (ดัชนี DJIA +1.2%, S&P500 +2%, Nasdaq +2.7%) ยังคงได้อานิสงค์บวกขานรับปธน. ทรัมป์ และ รมว. คลังสหรัฐส่งสัญญาณว่า ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีนอาจคลี่คลายลง / การปฏิเสธข่าวการปลดเจอโรม พาวเวล์ และ งบ Alphabet ที่ออกมาดีกว่าคาด โดย ราคาหุ้นบวกได้กว่า 5%
ด้านราคาน้ำมันดิบปิดแกว่งทรงตัว หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาคละกัน และ ตลาดกำลังรอประเด็น OPEC+ โดยตลาดเชื่อว่า OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. และ ส่วนราคาทองคำ +0.5% ได้หลังจากเจอแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามา 2-3 วัน
SET Index : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่ง Sideway บริเวณ 1,135-1,170 จุด โดย ยังคงได้แรงสนับสนุนเล็กน้อยตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขานรับความหวังสงครามการค้าผ่อนคลายลง และ ตลาดคลายความกังวลที่ว่าความเป็นอิสระของเฟดอาจจะถูกทรัมป์แทรกแซง อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าประเด็นดังกล่าว priced-in ในตลาดไปพอสมควร
ดังนั้นเราแนะนำ Selective Buy ในระยะสั้น และ เก็งกำไรงบ 1Q25 ของหุ้นที่คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง หรือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Flow TESGX ในเดือน พ.ค. นี้ รวมถึง การเก็งประเด็นกนง.ลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
โดย Consensus คาดกำไรสุทธิ 1Q25 +5.5% yoy, +36.3% qoq โดย Sector ที่โตสูงสุด qoq ได้แก่ PKG (SCGP) ICT (DIF TRUE ADVANC) ETRON (DELTA HANA KCE) และ yoy ได้แก่ PETRO (PTTGC) CONS (CK STECON) FOOD (CPF OSP ICHI AAI) ซึ่งเราได้ทำการคัดเลือกหุ้นในกลุ่มที่ Consensus คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q25 +yoy, +qoq โดยเลือกเฉพาะหุ้นที่มี Consensus rating outperform ขึ้นไป, Earnings growth เป็นบวก, มี Beta และ Volatility สูง ได้แก่ CRC, TRUE, CBG, TIDLOR, ADVANC, CPF, BDMS, KLINIQ, BA, SAV, BEM
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ ส่งออกไทยเมื่อวานนี้ การส่งออกของไทยในเดือนมีนาคมพุ่งขึ้น 17.8% yoy สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้การส่งออกในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 พุ่งขึ้น 15.2% yoy นำเข้าพุ่งขึ้น 7.4% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,080 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น เราคาดว่าการหยุดการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วันของทรัมป์จะส่งผลให้ยอดสั่งซื้อพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้การส่งออกของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เติบโตต่อไป
เราจึงปรับเพิ่ม GDP ปี 2568 เป็น 1.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 1) เพิ่มขึ้น 0.15% จากการค้าไทยที่เพิ่มขึ้น และ 2) เพิ่มขึ้น 0.1% จากผลกระทบจากการบริโภค (secondary effect) นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 เป็น 34.25 (สิ้นปี) โดยอิงตามวิวของ Group ที่เค้าเขียนเรื่อง Mar-a-Lago Accord
หุ้นแนะนำ
CPALL: เราคาดว่า CPALL จะมีกำไรปกติแข็งแกร่งที่ 6.9 พันล้านบาท (+14.5% yoy) ใน 1Q25 โดยมีปัจจัยหนุนจากมาร์จินที่เพิ่มขึ้นจากยอดขาย RTE โดย เราประมาณการว่า 7-Eleven ในไทยจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ +3% จากยอดซื้อต่อบิลที่สูงขึ้นและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น (Take profit : 51.00 / Stop loss : 49.00)
AP : เก็งประเด็นกนง. ลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า จากมุมมองการลดดอกเบี้ยของนักเศรษฐศาสตร์ของเรา อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงทุก 25bp จะทำให้ ความสามารถในการซื้อบ้านเพิ่มขึ้น 2.33% นอกจากนี้ ผู้ซื้อบ้านจะได้รับประโยชน์จากค่าผ่อนบ้านที่ลดลง 2.28% จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25bp (Take profit : 8.20 / Stop loss : 7.85)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon