Pi Daily สัปดาห์นี้รอติดตามประชุม กนง. อาจเห็นการลดดอกเบี้ย เป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น

20

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 20 จุด (+0.05%) รับปัจจัยบวกเกี่ยวกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.37% แต่หากเทียบเป็นรายสัปดาห์ยังคงลดลง เพราะนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันล้นตลาด

วันศุกร์ช่วงบ่ายที่ผ่านมาจีนได้ประกาศว่าอาจพิจารณายกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ในบางสินค้าเพื่อบรรเทาผลกระทบ เบื้องต้นมีรายงานว่ามีสินค้าทั้งหมด 131 สินค้า ที่อาจได้รับการยกเว้นภาษี แต่อย่างไรก็ตามทางสหรัฐฯยืนยันว่ายังมิได้เริ่มต้นเจรจากับจีนอย่างเป็นทางการ และหากไปดูการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆจะพบว่า US Bond Yield ปรับลง และตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย ราคาทองคำปรับลงแต่มีแรงซื้อไล่กลับจากจุดต่ำสุด สะท้อนว่าเม็ดเงินยังอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยและสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย สะท้อนว่านักลงทุนยังมิได้มั่นใจ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์มีการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระดับ 52.2 ถ้อยแถลงภายในระบุว่าความเชื่อมั่นลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะเดียวกันความคาดหวังข้างหน้าร่วงลงหนักในด้านการเงินส่วนบุคคลลดลงอย่างรวดเร็วในทุกช่วงอายุ การศึกษา ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าและเงินเฟ้อจะสูงขึ้นในอนาคต โดยคาดการณ์ว่ารายได้จะขยายตัวเพียงเล็กน้อย ดังนั้นหากรายได้จะเติบโตน้อยลงก็อาจมีผลกระทบต่อการใช้จ่าย

โดยสัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐฯประกอบไปด้วย (1) ตำแหน่งเปิดรับสมัครงานในวันอังคาร Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 7.48 ล้านตำแหน่ง และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 87.4 (3) การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.23 แสนรายและเงินเฟ้อ (PCE) คาดการณ์ที่ 0.1%MoM (4) การจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 1.29 แสนรายและอัตราการว่างงานที่ 4.2% ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันพุธ นักลงทุนคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 1.75% ด้วยเศรษฐกิจไทยที่เริ่มชะลอตัวลงจากผลกระทบสงครามการค้าและเงินเฟ้อที่ต่ำก็เป็นไปได้ที่จะเห็นการลดดอกเบี้ย โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะรับผลกระทบเชิงลบ แต่จะเป็นบวกกับกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD) กลุ่มอสังหาฯ (AP SPALI) กลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL CRC) สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1100 – 1175 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน มองจังหวะปรับขึ้นมาของดัชนีเป็นโอกาสทยอยทำกำไรสำหรับนักลงทุนระยะสั้น เพราะสะท้อนปัจจัยหนุนไปบ้างแล้ว แต่ช่วงถัดไปเสี่ยงกับการปรับลดเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน แต่หากรับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD) อสังหาฯ (AP SPALI) ปัจจัยหนุนด้านดอกเบี้ยที่อาจปรับลง ส่วนนักลงทุนระยะกลาง – ยาว ยังรอจังหวะสะสมช่วงตลาดที่อาจกลับมาปรับฐาน

AP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท)
AP มีแผนการเปิดโครงการใหม่สูงถึง 6.5 หมื่นล้านบาท (+35% YoY) โดยแบ่งเป็นแนวราบ 36 โครงการ (4.5 หมื่นล้านบาท) และคอนโด 6 โครงการ (2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งทางผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายปี 2025 ไว้ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท และยอดโอน 5.3 หมื่นล้านบาท โดยคาดจะได้รับแรงหนุนจาก 1) โครงการเปิดใหม่ที่สูง โดยเฉพาะสัดส่วนโครงการคอนโดที่เพิ่มขึ้น 2) กำหนดการโอน Aspire 4 โครงการมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท และ 3) แนวโน้มยอดขายตั้งแต่ต้นปี 2025 ที่เติบโตดีทั้งในแนวราบและคอนโด (+48% YoY)

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
แนวโน้ม SSSG มีทิศทางแข็งแกร่งกว่ากลุ่มต่อเนื่อง คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 6.5 พันล้านบาท (+8%YoY, -6%QoQ) หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่คาดเติบโต 2% YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +0.5% และ Lotus’s +0.5%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q25 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขาย Ready-to-eat และ Ready-to-drinks

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon