‘เสนา’ ชี้บทเรียนสำคัญหลังแผ่นดินไหว ครบ 1 เดือน ใช้โนว์ฮาวญี่ปุ่น เสริมเกราะธุรกิจ ดัน “LivNex เช่าออมบ้าน” กระตุ้นยอดโอน

19

มิติหุ้น – ครบ 1 เดือนหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เผยว่า แผ่นดินไหวรุนแรงที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่ผลกระทบได้ให้บทเรียนสำคัญในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ที่ต้องเผชิญแรงกดดันทั้งเชิงจิตวิทยาและจากภาวะเศรษฐกิจรอบด้าน ซึ่งกระทบต้นทุนก่อสร้างและภาพรวมเศรษฐกิจโลก และในภาวะที่ตลาดกำลังเผชิญความไม่แน่นอนนี้ เสนาได้ก้าวไปอีกขั้น กับการใช้ความได้เปรียบทางความรู้ความสามารถและประสบการณ์จากพันธมิตรญี่ปุ่น “บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป” เร่งปรับกลยุทธ์เชิงรุก นำนวัตกรรมมาปรับใช้ทันที ผ่านแนวคิด Geo fit+ ที่มีขบวนการป้องกันและตั้งรับเหตุภัยพิบัติ จะนำมาใช้กับโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ทันที เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในระยะยาว พร้อมกันนี้ยังเห็นโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด และเร่งผลักดัน“LivNex เช่าออมบ้าน” และ “RentNex” เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย ลดข้อจำกัดด้านการกู้ซื้อบ้าน สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบในหลายภาคส่วน รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งได้รับผลในเชิงจิตวิทยาแม้จะเป็นเพียงระยะสั้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยลบอื่น ๆ ที่กดดันอยู่ เช่น ปัญหาการชำระหนี้ของหลายบริษัทในไตรมาส 2 ซึ่งอาจกระทบต่อสถานะทางการเงินของผู้ประกอบการในตลาด

อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบในระดับมหภาค คือ การยกระดับสงครามการค้า ซึ่งมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ประเด็นนี้ถือว่ามีผลในระดับกว้างกว่าผลจากแผ่นดินไหว เพราะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ เสนามองว่าในไตรมาส 2/2568 ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มไฮไรส์ แต่ในระยะยาวตลาดจะค่อย ๆ ปรับสมดุลได้เอง ซึ่งสิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์

“ในมุมของธุรกิจอสังหาฯ ปัจจัยที่น่ากังวลคือราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปีนี้เราจึงต้องรับมือกับความท้าทายถึงสองเรื่องในเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่กระทบการท่องเที่ยว และมาตรการภาษีของทรัมป์ การบริหารความเสี่ยงในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น แต่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่เราได้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา” ดร.เกษรา กล่าว

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา เสนาฯ พร้อมและใส่ใจอย่างเต็มที่ ด้วยการตั้ง War Room ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุการณ์ เพื่อประสานงานและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ ร่วมกับฮันคิว ฮันชิน พันธมิตรจากญี่ปุ่น ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารสูงทันทีตั้งแต่คืนวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบทุกรายละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกบ้านและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งผลกระทบที่พบส่วนใหญ่เป็นเพียงรอยร้าวหรือแตกร้าวในงานสถาปัตยกรรมบางจุด เช่น ผนังและฝ้าเพดาน ขณะที่โครงสร้างหลักของอาคารทุกแห่งยังคงมีความมั่นคงปลอดภัย โดยเสนาฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้งหมด 108 แห่ง ครอบคลุมคอนโดมิเนียม 62 โครงการ และโครงการแนวราบ 46 โครงการ รวมถึงโครงการเก่าที่แม้เสนาฯ จะไม่ได้เป็นนิติบุคคลบริหารโครงการ แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจ พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทันทีที่ได้รับการติดต่อจากลูกบ้าน ภายใต้การขออนุญาตจากนิติบุคคลตามขั้นตอน

รวมถึงได้จัดทำมาตรการเร่งด่วน  SENA’s Protocol เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกบ้านในทุกโครงการที่อาจได้รับผลกระทบ โดยมาตรการแบ่งออกเป็น 3 แนวทางหลัก ได้แก่ สร้างความมั่นใจ เร่งตรวจสอบอาคารโดยทีมวิศวกรของเสนาฯ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก (Third Party) ทั้งในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและโครงการที่แล้วเสร็จ, ตรวจสอบเชิงลึกเพื่อนำไปสู่การแก้ไข ดำเนินการสำรวจห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางอย่างละเอียด โดยเปิดให้ลูกบ้านแจ้งปัญหาผ่านแอปพลิเคชัน SEN PROP เพื่อรวบรวมข้อมูลและปัญหาของลูกบ้าน การเคลมประกัน จนถึงงานซ่อมแซม  และแก้ไข ดำเนินการแก้ไข และซ่อมแซมร่วมกับพาร์ทเนอร์และผู้เกี่ยวข้อง

ดร.เกษรา กล่าวถึง การพัฒนาโครงการในปี 2568 ยังคงดำเนินไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยเสนาฯ ใช้ประสบการณ์และองค์ความรู้ในการจัดการกับภัยพิบัติที่ไม่คาดฝัน มายกระดับมาตรฐานโครงการอย่างรอบคอบและทันที ด้วยการระงับการก่อสร้างชั่วคราวจำนวน 6 โครงการซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนก่อนเริ่มก่อสร้าง เพื่อนำนวัตกรรมและแนวทางการออกแบบด้านความปลอดภัยจากพันธมิตรญี่ปุ่น (HHP) มาปรับใช้ก่อนเดินหน้าก่อสร้างต่อไป โดยในระหว่างนี้ยังคงดำเนินการขายทั้ง 6 โครงการตามแผนงาน เพื่อสร้างความมั่นใจ

ให้กับลูกค้า ว่าโครงการเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาในมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด รองรับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจในระยะยาว

ส่วนการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินยังคงเข้มงวด การเข้าถึงที่อยู่อาศัยจึงกลายเป็นความท้าทายที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภค เสนาฯ จึงได้พัฒนา “LivNex เช่าออมบ้าน” นวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถ “จ่ายค่าเช่า เท่ากับมีเงินออม” พร้อมโอกาสเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้าของภายใน 3 ปี รองรับกลุ่มลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านในครั้งแรก โดยมีหน่วยงานภายในของบริษัท “เงินสดใจดี” ให้คำปรึกษาและวิเคราะห์เครดิตอย่างเป็นระบบ รวมถึงความร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสร้างประวัติเครดิตและเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,000 ยูนิต สะท้อนความต้องการในตลาดและความเชื่อมั่นต่อรูปแบบการอยู่อาศัยทางเลือกใหม่นี้

ขณะเดียวกัน เสนาได้เปิดตัวโมเดลการเช่าแบบสมาชิก “RentNex” ซึ่งออกแบบมาเพื่อกลุ่ม Generation Rent ที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น และมองการเช่าเป็นทางเลือกหลัก RentNex ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสมัครสมาชิกเพื่อเข้าอยู่อาศัยในคอนโดฯ คุณภาพของเสนา โดยเริ่มต้นเพียง 6,700 บาทต่อเดือน รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารค่าใช้จ่ายและไม่ผูกมัดระยะยาว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon