หลักทรัพย์กรุงศรีได้เริ่มให้คำแนะ “ซื้อ” สำหรับหุ้น DCC (ไดนาสตี้เซรามิค – Dynasty Ceramic) โดยให้ราคาเป้าหมาย 3.1 บาท อิงจาก P/E ปี FY19F ที่ 17x โดยมองว่าราคาหุ้นน่าสนใจโดย P/E ยังมี discount จากค่าเฉลี่ยของกลุ่มถึง 23%
DCC เริ่มจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 1992 เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายกระเบื้องเซรามิคปูพื้นและบุผนังภายใต้เครื่องหมายการ“ไดนาสตี้” (Dynasty), “โทมาฮอก” (Tomahawk) , “จากัวร์ ” (Jaguar), “แอนนา” ( Anna), “แวลู่” (Value), “มัสแตง” (Mustang) และซื้อกระเบื้องตราไทล์ท้อป จากบริษัทไทล์ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน) บริษัทย่อยมาจำหน่ายนอกจากนั้นยังซื้อสุขภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกระเบื้องเซรามิค เช่น กาวยาแนว จมูกบันได เป็นต้น มาจำหน่าย ซึ่งมีร้านของตัวเองกระจายอยู่ถึง 200 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด มีปริมาณการขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมแม้เผชิญกับการแข่งขันจากสินค้าทดแทนและสินค้าจากประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทถูกฉุดโดย margin ที่ลดลงจากราคาก๊าซธรรมชาติ (30% ของ COGS), ต้นทุนค่าขนส่ง, และค่าเสื่อมราคาขยับสูงขึ้น ทั้งนี้ DCC ประสบความสำเร็จจากการดำเนินกลยุทธ์การลดต้นทุน และปรับราคาขายสินค้าขึ้นในบางรายการ โดยทางหลักทรัพย์กรุงศรีคาดว่า โดยเราคาดว่า margin น่าจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3Q18 เป็นต้นไป และคาดว่ากำไรใน 3Q18F จะดีขึ้นทั้ง yoy เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดไตรมาส และเติบโต qoq แม้จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการอ่อนแอตามฤดูกาล เราคาดว่ากำไรของ DCC จะพลิกฟื้นใน FY19F จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น, margin ที่เพิ่มขึ้น และรายจากค่าเช่าที่เพิ่มเข้ามา
DCC ได้มีการปรับปรุงร้านค้าของบริษัทจำนวน 61 สาขา จากทั้งหมด 200 สาขา และมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มปีละ 5 สาขา ในช่วง 4 ปี ข้างหน้า ซึ่งจะเปิดเป็นศูนย์รวมแบบ one-stop ซึ่งจะทำให้ DCC มีรายได้จากการเปิดให้เช่าพื้นที่ ซึ่งรายได้ค่าเช่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของกำไรที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล ช่วยดึงลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น และสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทไปพร้อมๆ กัน
โดย DCC ตั้งงบลงทุนสำหรับการขยายกิจการด้านนี้เอาไว้ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินที่ได้จากการแปลง warrant (DCC-W1) 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ เราประเมินว่ารายได้จากค่าเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 75 ล้านบาทในปี FY19F อิงจากจำนวนพื้นที่ปล่อยเช่า 100,000 ตรม., utilization ที่ 40%, และค่าเช่า 150 บาท/ตรม. เรามองว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่จนกว่าเราจะได้เห็นการตอบรับจาก 4-5 สาขาแรกภายใน 3Q19 โดยรายได้ค่าเช่าจะเป็นส่วนช่วงหนุนรายกำไรในปี FY19F – 20F ให้เพิ่มขึ้น 7 – 9%
DCC เป็นหุ้น turnaround ที่ได้อานิสงส์จากการที่ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น และ GPM ดีขึ้น รวมถึงกลยุทธ์สร้างการเติบโตที่น่าสนใจผ่านรายได้ค่าเช่า ทั้งนี้หุ้น DCC ซื้อขายอยู่ที่ระดับ P/E ปี FY19F ที่ 14.5x เท่ากับค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลัง -1 S.D. ซึ่งยังมี discount จากค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 19x เรามองว่าการฟื้นตัวของธุรกิจหลักของบริษัทจะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นขยับเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยของกลุ่มมากขึ้น ในขณะที่ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีกจะทำให้มีการ rerate มูลค่าหุ้นในระยะยาว
โดย บล.กรุงศรี