ตลาดหุ้นไทยวันทำการแรกของสัปดาห์นี้ ปิดตลาดในแดนบวกไปได้ +2.02 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 32,991 ล้านบาทซึ่งไม่มากนัก แต่ถือว่าสวนทางกับตลาดในภูมิภาคเอเชียที่พากันปิดตลาดลบเป็นส่วนใหญ่ ทั้งตลาดจีน ฮ่องกง ไต้หวัน รวมถึงอินเดีย แน่นอนว่าประเด็นใหญ่ร้อนแรง ณ ตอนนี้ คือข้อพิพาทเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐฯ ที่ขยายวงออกไปสู่ประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากจีน ทั้งแคนาดา ยุโรป และล่าสุดคือญี่ปุ่นซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สหรัฐฯมีการขาดดุลทางการค้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกได้รับแรงกดดันจากเรื่องสงครามการค้าต่อเนื่องอีก
อย่างไรก็ตามยังมองว่าสงครามการค้าของสหรัฐฯกับประเทศต่างๆน่าจะมีการเจรจากันได้ เนื่องจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯกับประเทศต่างๆก็ทำให้เกิดการตอบโต้กลับมาในแนวทางเดียวกันและจะส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯเองด้วย โดยเฉพาะที่กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯเองที่เริ่มเห็นแล้วในตอนนี้
ทั้งนี้ในช่วงระหว่างที่ตลาดกำลังรอความชัดเจนจากการที่สหรัฐฯเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญฯ นั้น ประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนคือ ภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเชียและตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอินโดนิเซีย ตุรกี เวเนซุเอลา และอาร์เจนติน่า ที่มีแนวโน้มเงินทุนไหลออกอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันยังได้รับผลกระทบจากการอ่อนของค่าเงินในหลายตลาด
สำหรับประเทศไทยเงินบาทของไทยที่แข็งค่าสวนทางกับตลาดอื่นๆเนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและฐานะทางการคลังที่ดี ทำให้เงินบาทเริ่มถูกต่างชาติมองเป็นแหล่งที่สามารถเข้ามาพักเงินได้ ส่วนตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะปรับตัวลงไปบ้างตามแรงขายเช่นเดียวกับภูมิภาคแต่มองว่าไม่น่าจะลงไปลึกนัก ปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งที่คาดว่าจะประกาศออกมาภายใน 1- 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ จะช่วยพยุงตลาดหุ้นไม่ให้ลงแรงถือเป็นผลบวกด้านจิตวิทยาการลงทุน
นอกจากนั้นการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆของภาครัฐก็เป็นบวกต่อภาพรวมตลาดด้วย แม้ตลาดจะรับรู้มาระดับหนึ่งแล้วทำให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาฯ , นิคมอุตฯ รวมถึงกลุ่มที่อิงกับการลงทุนและใช้จ่ายภาครัฐฯ จึงเป็นกลุ่มหลักที่น่าสนใจในช่วงนี้ แต่เนื่องจากหุ้นเหล่านี้ช่วงที่ผ่านมาราคามีการปรับขึ้นสอดรับมาระดับหนึ่งแล้วทำให้ Upside จึงมีไม่มากนัก ซึ่ง KTBST ยังแนะนำกลยุทธ์ลงทุน โดยรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา โดยเรามองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,650-1,710 ครับ …. อย่างไรก็ตามการลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนต้องติดตามข่าวสารต่างๆอย่างใกล้ชิดนะครับ
โดยชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST)
www.mitihoon.com