เช้านี้ ตื่นขึ้นมา คงทราบกันแล้วว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ และต้องลุ้นกันอีกว่าในเดือน ธ.ค. นัดส่งท้ายปี 61 เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกรอบหรือไม่
ช่วงที่ผ่านมา สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยหลายรอบ จนมาอยู่เหนืออัตรา 2% ขณะที่หลายประเทศ ดอกเบี้ยยังต่ำกว่า ส่งผลให้มีการโยกย้ายเงินทุนออกไป ไหลเข้าสู่ตลาดหรัฐ รวมทั้งมีการขายหุ้นออกในหลายตลาด อย่างเช่น ตลาดหุ้นไต้หวัน จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีการขายหุ้นออกกว่า 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เกาหลีใต้ ถูกขายกว่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ อินโดนีเซีย โดนขายกว่า 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฟิลิปปินส์ โดนขายไป 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ไทยค่อนข้างจะหนักหน่อย นักลงทุนต่างชาติขายออกต่อเนื่อง จนถึงล่าสุดถูกเทขายไปกว่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งช่วงเดือน ก.พ.2562 จะเป็นแรงหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยวิ่งไประดับ 1,800 จุดหรือไม่ ต้องลุ้นกันรายวัน
แต่ที่ผ่านไปอีกหนึ่งขั้นตอน นั่นคือ การยื่นซองประมูลข้อเสนอขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ G1/61 และแหล่งบงกช G2/61 เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา
ขั้นตอนจากนี้ไป กระทรวงพลังงานคาดว่าจะรู้ผลผู้ที่ยื่นข้อเสนอดีที่สุดในปลายเดือน พ.ย.2561 จากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อนำเสนอให้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ช่วงเดือน ธ.ค.2561 พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก และลงนามในสัญญาได้ประมาณเดือน ก.พ.62
สำหรับการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณครั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลจะได้รับค่าตอบแทน ในรูปแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ PSC ในรูปค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งกำไร ประมาณ 8 แสนล้านบาท ตลอดจนก่อให้เกิดการจ้างพนักงานคนไทย ในสัดส่วน 80% ในปีแรก และอย่างน้อย 90% ในปีที่ 5 ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน TOR และยังช่วยลดการนำเข้าก๊าซ LPG ได้ประมาณ 22 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.6 แสนล้านบาท และยังก่อให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในประเทศอีกประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท
การประมูลจะถูกต้านหรือไม่ ยังวางใจไม่ได้
“บิ๊กเซ็ต”