เศรษฐกิจ-ลงทุนไทย จะไปทิศทางไหน ก่อนเลือกตั้ง

151

สถานการณ์เศรษฐกิจ การลงทุนของไทย เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตดีขึ้น GDP +4.5% ในไตรมาส 3 แต่ชาวบ้านยังคงบ่นกันมากว่า เศรษฐกิจระดับรากหญ้า เกษตรกร คนงาน พนักงานระดับล่าง พ่อค้าแม่ค้า ร้านรวง และ SME ยังไม่เห็นดีขึ้นเลย ซ้ำร้ายยังชี้ว่า ยออดขายตกต่ำย่ำแย่ลงมา 2-3 ปีที่ผ่านมา กำลังซื้อประชาชนตกต่ำลดลงกว่าเดิมมาก ไม่เห็นตรงกับ GDP ที่ดีขึ้น

การลงทุนในตลาดหุ้นก็เห็นชัดว่า ดัชนีหุ้น Set Index ร่วงหล่นลงมาจากต้นปี ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 1,830 จุด มาถึงวันนี้ ดัชนีลดลงมาอยู่แถวๆ 1,700 จุด ชี้ชัดว่า ปีนี้หุ้นไทยกลับตกต่ำลงกว่า 5-6% แทนที่จะสูงขึ้น 18% เหมือนเมื่อปี 2560 เหลือไตรมาสสุดท้ายดัชนีหุ้นจะเด้งกลับขึ้นมาใหม่ ทะลุ 1,750 จุด ได้หรือไม่? หรือจะร่วงลงต่อลงไปต่ำกว่า 1,700 จุดสิ้นปี

แนวโน้มอนาคตเศรษฐกิจการลงทุนไทยจะไปทางไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้

1.ปัจจัยต่างประเทศ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปถึงไหน? กระแสเงินทุนไหลออกจากประเทศ Emerging Market กลับสหรัฐฯ จะรุนแรงต่อไปมากน้อยน้อยเพียงใด? และพรรค Republican ของ Donald Trump จะชนะเลือกตั้ง Mid Term สหรัฐฯ เดือนพ.ย.หรือไม่? รวมทั้ง ทิศทางราคาน้ำมัน WTI ที่วิ่งขึ้นมามากถึง 75 $/บาร์เรล จะยังขึ้นต่อได้หรือไม่? กระแสความขัดแย้ง Trade War สหรัฐฯกับจีน จะขยายตัวออกไปรุนแรงแค่ไหน? และวิกฤติการเงินของประเทศ Emerging Market อย่าง Turkey, Argentina, Indonesia, Venezuela, Pakistan จะขยายตัวต่อไปมากน้อยขนาดไหน?

2.ปัจจัยในไทย รัฐบาล คสช. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าออก พรบ.เลือกตั้ง ส.ส. การได้มาซึ่ง สว. และมีการคลายล็อคการเมือง เพื่อเปิดให้มมีการเลือกตั้งราว 24 ก.พ. 2562 ถึงไม่เกิน พ.ค.2562

ข่าวการเปิดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. 500 คน สว. 250 คน มีส่วนกระตุ้นให้ดัชนี SET พุ่งขึ้นจาก 1,670 จุด ขึ้นมาถึง 1,760 จุด เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ถึง 30 ก.ย. 2561 แต่การอ่อนตัวของค่าเงินบาท เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นชัดเจน ทำให้ Set Index ร่วงลงแรงจาก 1,760 จุด ลงมาถึง 1,700 จุดในปัจจุบัน เพราะเริ่มมีกระแสเงินทุนไหลออกรุนแรงขึ้น

ตราบใดที่ยังมีเงินทุนต่างชาติไหลออกต่อไป ตราบนั้นดัชนีหุ้นไทยก็จะไหลลงตามค่าเงินบาทไปด้วย อาจไหลลงถึง 1,700 จุด หรือ 1,680 จุด ได้ไม่ยาก ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนลงต่อไปถึง 33.25 และ 33.50 ก่อนสิ้นปี 2561
การเมืองช่วงโค้งสุดท้าย ไคลแม็กซ์ก่อนวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง จะเข้มข้นมาก มีการใช้ยุทธศาสตร์ ยุทธวิถี ทุกรูปแบบเพื่อให้ได้คะแนนเสียง ส.ส.สูงสุด แต่สุดท้ายน่าจะแบ่งข้างเป็น 2 ฟากใหญ่ๆ คือ 1.ฝ่ายหนุนประยุทธ์ 2.ฝ่ายไม่หนุนประยุทธ์ สุดท้าย ฝ่ายไม่หนุนประยุทธจะมีคะแนนเสียง ส.ส. มากกว่าค่อนข้างชัดเจน และผลการเลือกตั้ง จะจบลงด้วยฝ่ายประชาธิปไตย จะชนะฝ่ายทหารอย่างท่วมท้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย พลังประชาชนสามารถเอาชนะเผด็จการให้เห็นมาแล้ว

ผลจากการเลือกตั้ง จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ , สังคม , การทหาร และการต่างประเทศอย่างแน่นอน ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า สายน้ำเมื่อเดินหน้าไปแล้ว ย่อมไม่มีวันไหลกลับ มีแต่เดินหน้าต่อไป “River of No Return”

ผลการเลือกตั้งน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นไปมากำไพอสมคสวร ตรงข้ามถ้าผลการเลือกตั้งออกมา รัฐบาลทหารยังอยู่ต่อ น่าจะเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นมากกว่า

“พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ”