มิติหุ้น-บมจ.บีซีพีจี (BCPG) โดย นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ แจ้งว่า บริษัทกำไรไตรมาสที่ 3 ปี 2561เท่ากับ 1,139.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 481.2 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ196.0 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก (1) การรับรู้กำไรจากการจำหน่ายโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างไตรมาสจำนวนสองโครงการ ได้แก่ โครงกำร Nagi และ Nikaho โดยภายหลังจากหักค่าใช้จ่ายรวมถึงภาษีเงินได้บริษัทฯ รับรู้กำไรสุทธิจากการจำหน่ายสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นจำนวน 658.3 ล้านบาท (2) การไม่มีผลขาดทุนจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เช่นเดียวกับในไตรมาสที่ 3 ปี 2560 ที่ 254.9 ล้านบาท (3) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 172.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาอยู่ที่113.6 ล้านบาท และ (4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจำนวน 46.8 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 26.1 ส่งผลให้งวด 9 เดือน ปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,909.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.6 หรือเพิ่มขึ้น 796.9 ล้านบาทหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทมยังมีโครงการในระยะใกล้คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ขนาดกำลังการผลิต 10 MW โดยบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นและได้รับโอนหุ้นของ บริษัทลมลิกอร์ จำกัด เรียบร้อยแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 236.5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์( COD) ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 โดยโครงการนี้จะได้รับอัตราการรับซื้อไฟฟ้าแบบอัตราส่วนเพิ่ม(adder)ที่ 3.5 บาท/หน่วย จากค่าไฟฐาน ทั้งนี้บริษัทคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นของโครงการ(EIRR) ราว 12-15 %
ด้านบทวิเคราะห์บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ระบุว่า BCPG ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ออกมามีกำไรสุทธิ 1,139 ล้านบาท หรือ EPS 0.57 บาท (+481% yoy, +171% qoq) แต่หากตัดกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 794 ล้านบาทและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 69 ล้านบาทออกจะมีกำไรปกติ 448 ล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด 1% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 19.43 บาท/หุ้น
www.mitihoon.com