ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. โดยนางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการ ในฐานะโฆษก กกพ. เผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้เรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สำหรับการเรียกเก็บงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2562 จำนวน 11.60 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อเทียบกับค่า Ft ที่เรียกเก็บในปัจจุบัน 15.90 สตางค์ต่อหน่วย ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 4.30 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิม 3.60 สตางค์ต่อหน่วย
ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.63 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดิม 3.59 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.ย.2560
ทั้งนี้ การปรับค่า Ft เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าทั้งน้ำมันเตา ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดีเซล และถ่านหิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากประเมินค่า Ft ตามความจริงจะอยู่ที่ 24 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 8.10 สตางค์ต่อหน่วย หรือค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ระดับ 3.84 บาทต่อหน่วย แต่เพื่อไม่ให้ค่าไฟฟ้าขึ้นไปสูงกว่านี้ จึงได้นำเงินจากมาตรการทางการเงินและบัญชีที่มีอยู่ทั้งหมดราว 10,367 ล้านบาทมาบริหารจัดการค่า Ft
นอกจากนี้ มองว่าแนวโน้มต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจะอยู่ในระดับสูง จึงเตรียมหารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ไปเจรจาผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,280 เมกะวัตต์ ให้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ต้นปี 62 จากเดิมที่จะต้อง COD ในเดือน ต.ค.62 เพื่อพยุงต้นทุนราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นเนื่องจากการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมีต้นทุนต่ำกว่า
www.mitihoon.com