มิติหุ้น – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เผยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 3/2561 (1 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2561) ด้วยผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 545.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 36 จากไตรมาสก่อน กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA อยู่ที่ 148.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 202 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 57 จากไตรมาสก่อน
รายได้รวมในไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 3,544.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน สัดส่วนรายได้ที่มาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร และกลุ่มการลงทุนคิดเป็นร้อยละ 37 ร้อยละ 27 ร้อยละ 20 และร้อยละ 16 ของรายได้รวมทั้งหมดตามลำดับ ในขณะที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 944.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 25 จากไตรมาสก่อน
TTA ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของฐานะการเงินที่มั่นคง ด้วยเงินสดภายใต้การบริหารอยู่ในระดับสูงถึง 5,142.9 ล้านบาทและมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E) ระดับต่ำที่ 0.13 เท่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2561
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมา พบว่าอุปสงค์และอุปทานของอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกองมีความสมดุลในทิศทางบวก โดยในไตรมาสที่ 3/2561 กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 242.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 226 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อีกหนึ่งข่าวดีคือการปรับตัวขึ้นของดัชนีบอลติค (BDI) ขึ้นมาอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 1,607 จุด ในไตรมาสที่ 3/2561 จาก 953 จุด ณ ต้นปี 2560 เป็นผลมาจากอัตราการเติบโตของกองเรือทั้งโลกที่จำกัด นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือของ TTA ยังมีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยอยู่ที่ 11,529 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งสูงกว่าอัตราตลาดของค่าระวางเรือเฉลี่ยสุทธิของเรือซุปปราแมกซ์ (Net Mkt TC Avg BSI) ที่ 10,982 เหรียญสหรัฐต่อวัน สำหรับแนวโน้มของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือในปี 2562 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอุปสงค์และอุปทานน่าจะมีความสมดุลเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง
รายได้ของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งในไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 970.0 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากอัตราการใช้ประโยชน์เรือที่ปรับตัวสูงขึ้นและไม่มีเรือเข้าอู่แห้งเพื่อบำรุงรักษา ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยที่ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2560 เป็นค่าเฉลี่ยที่ 76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่ 3/2561 อย่างไรก็ตาม ภาพรวมราคาน้ำมันในอนาคตยังคงมีความผันผวน แต่บริษัทฯ มีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 /2561 สูงถึง 129 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสเข้าประมูลกิจกรรมทางวิศวกรรมใต้ทะเลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง
ในปีนี้ เกษตรกรในประเทศเวียดนามได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญตกต่ำ จึงหันมาให้ใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายมากกว่าการเพิ่มผลผลิต ทำให้ความต้องการใช้ปุ๋ยเชิงเดี่ยว (Single Fertilizer) เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีปริมาณการขายปุ๋ยในไตรมาสที่ 3/2561 คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 44.5 พันตัน ซึ่งร้อยละ 68 จะเป็นปริมาณการขายปุ๋ยในประเทศ มากไปกว่านั้น ภาพรวมใน 9 เดือนแรกของปี 2561 ปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 144.8 พันตัน ส่วนธุรกิจพื้นที่โรงงานให้เช่ายังคงดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในไตรมาสที่ 3/2561
สำหรับ กลุ่มการลงทุนอื่น ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 126 สาขา ทั่วประเทศ ส่วนบริษัท สยามทาโก้ จำกัด (“STC”) มีแผนจะเปิดสาขาแรกในเดือนธันวาคม ปี 2561 สำหรับธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำ TTA ได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 80.5 ของบริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (“AIM”) เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำที่มีอยู่เดิม
ทั้งนี้ TTA มุ่งมั่นที่จะรักษาแนวโน้มเชิงบวกไว้ และคาดว่ารายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักจะเติบโตขึ้นอีก ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561