ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เจ้าพระยามหานคร หรือ CMC โดยนายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรก 19 พ.ย. 61 ราคาจะเหนือจอง หลังประสบความสำเร็จขายหุ้นไอพีโอ 250 ล้านหุ้น ที่ราคา 3 บาท/หุ้น ราคาพาร์ 1 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม คิดเป็นค่า P/E เพียง 7 เท่า จากการคาดการณ์กำไรบริษัทของนักวิเคราะห์ในปีหน้า ขณะที่ P/E ของตลาด mai และกลุ่มอสังหาฯ สูงกว่านี้ค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ บริษัทสามารถระดมทุนจากการขายหุ้นไอพีโอได้ 750 ล้านบาท โดยจะนำเงินไปชำระหนี้คืนสถาบันการเงิน 400 ล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้อย่างมีนัยยะ และจะใช้เงิน 250 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการและซื้อที่ดินเพิ่ม และใช้เงิน 63 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดภายหลังไอพีโอ อัตราส่วน D/E จากปัจจุบันที่ 1.8 เท่า จะลดลงเหลือต่ำกว่า 1.3 เท่า
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้ว เสร็จและอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 25 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารอการรับรู้รายได้กว่า 4,141 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,900 ล้านบาท ซึ่งคาดโครงการเหล่านี้จะสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะเปิดการขาย และพัฒนาโครงการใหม่อีกจำนวน 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกปี 61 มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 และมีกำไรขั้นต้น 405 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 41.6% จากช่วงเดียวกันของปี 60 ที่ 336 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 130% จากช่วงเดียวกันของปี 60 ที่ 53 ล้านบาท
นายแพทย์วิเชียร กล่าวว่า บริษัทมีแผนพิจารณาจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 61 โดยมีนโยบายจ่ายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งถือเป็นปีแรกที่จะมีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น หลังจากบริษัทก่อตั้งมา 24 ปี
ส่วนเกณฑ์ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อว่าไม่กระทบกับบริษัทโดยตรง เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นลูกค้าที่อยู่อาศัยเอง ไม่ใช่นักลงทุนหรือเก็งกำไร และราคาขายส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-4 ล้านบาท
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายรวม กล่าวว่า CMC เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง จากมูลค่าโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ, โครงการระหว่างก่อสร้าง และโครงการที่มีแผนจะเปิดขายและพัฒนาใหม่ รวมกว่า 16,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10 เท่าของรายได้ในปี 60 ซึ่งจะสร้างการเติบโตต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า
สำหรับราคาไอพีโอ 3.00 บาท คิดเป็นค่า P/E ปี 62 ที่ 7 เท่า นอกจากนี้ หุ้น CMC ยังมีมูลค่าที่ซ่อนอยู่ในรูปแบบของที่ดินเปล่ารอการพัฒนาที่มีศักยภาพที่บริษัทเป็นเจ้าของอีก 7 แปลง มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นประมาณ 3.00 บาท ซึ่งมูลค่าบุ๊กที่ปรับปรุงให้สะท้อนราคาตลาดล่าสุดของสินทรัพย์ของหุ้นอยู่ที่ 4.68 บาท สูงกว่าราคาจองถึง 50% และจากการระดมทุนบริษัทมีแผนนำเงินไปชำระคืนเงินกู้บางส่วน คาดจะทำให้บริษัทลดต้นทุนทางการเงินไปได้มาก และแนวโน้มผลประกอบการปีหน้าจะเติบโตสดใส