จับตาความชัดเจนเลือกตั้งของไทย

714

ทิศทางของการลงทุนยังต้องต่อสู้กับความผันผวนและความไม่ชัดเจนของประเด็นต่างๆ กันต่อนะครับ  ตลาดหุ้นไทยวันทำการแรกของสัปดาห์นี้ (19 พ.ย.) ปิดตลาดบวกไปเล็กน้อย +1.48 จุด ปิดที่ระดับ 1,636.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 29,913.87 ล้านบาท ทั้งนี้หุ้นไทยเผชิญกับปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศจากสัปดาห์ก่อนพอสมควร  โดยประเด็นต่างประเทศตอนนี้ที่สำคัญคือเรื่อง การถอนตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ของอังกฤษ หรือ Brexit ที่เริ่มเกิดความไม่เห็นด้วยกับชาติในกลุ่มสหราชอาณาจักรและเป็นประเด็นตลาดจับตามองถึงข้อสรุปของอังกฤษและสหภาพยุโรปในสัปดาห์นี้ ขณะที่เรื่องของสงครามการค้าหลังจากการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯจบลงและพรรคเดโมแครตได้เสียงข้างมากในสภาล่างถือเป็นการถ่วงดุลที่ทำให้ท่าทีของ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ในเรื่องการเจรจาการค้ากับจีนมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น และถือเป็นผลบวกต่อจีนและตลาดเกิดใหม่รวมทั้งประเทศไทยด้วย

สำหรับในประเทศไทยมีประเด็นที่น่าสนใจหลายปัจจัยด้วยกัน หลังการประกาศงบการเงินไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนเสร็จสิ้น โดยภาพรวมถือว่าเติบโตค่อนข้างดี แต่เป็นการโตที่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มการเงิน ขณะที่กลุ่มอื่นๆนั้นพบว่าขยายตัวลดลงจากไตรมาสก่อน จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดปรับตัวลงเช่นกัน นอกจากนี้ประเด็นเรื่องการเลือกตั้งได้ถูกให้ความสนใจและติดตามดูกันอีกครั้งถึงความไม่แน่นอนของวันเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจริง ล่าสุดมีการใช้มาตรา 44 จาก คสช. ให้คณะกรรมการกำกับการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่ให้เสร็จสิ้น ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการ จึงคาดว่าอาจจะไม่ทันวันเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2561 ที่กำหนดไว้เดิม

ขณะเดียวกันล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ขยายตัวที่ 3.3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นตัวเลขที่ชะลอลงจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัวถึง 4.6% และจากไตรมาสที่ 1 ที่ขยายตัวถึง 4.8% และยังปรับประมาณการ GDP ของไทยปี 2561 ว่าจะที่ 4.2% จากเดิมที่ 4.5% แม้การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวดีถึง 3.9% สูงสุดในรอบ 15 ไตรมาส แต่เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลง และอาจเพิ่มความกังวลกับนักลงทุนต่อแนวโน้มของผลกระทบจากสงครามการค้าที่หลายตลาดได้รับผลกระทบอยู่

โดยรวมภาพแล้วปัจจัยต่างประเทศอาจลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยลงไปบ้าง แต่ตลาดยังขาดปัจจัยบวกทำให้ดัชนีในระยะสั้นมีแรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้ตลาดเดินหน้าไม่ได้ KTBST คาดว่าดัชนีสัปดาห์นี้น่าเคลื่อนไหวแบบทรงตัวในขาลง (Side Way down) และอาจเห็นดัชนีลงไปแตะ 1,600 -1,580จุดได้ หากมีปัจจัยลบเกี่ยวกับการเมืองของไทย  โดยเฉพาะเรื่องของการเลือกตั้งซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาดูในเวลานี้  ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุน นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวัง แนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อหุ้นปรับตัวลงมามากหรือจนกว่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาด  ทั้งนี้หุ้นกลุ่มที่เริ่มถูกมองว่าน่าสนใจคือกลุ่มส่งออกและกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น ขนส่ง และ อิเล็กทรอนิกส์ เพราะน่าจะเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้นจากผลบวกของการเจรการค้าของสหรัฐฯกับจีนที่มีแนวโน้มที่ดีและส่งผลมาถึงตลาดไทย ส่วนหุ้นอื่นๆน่าสนใจสัปดาห์นี้ได้แก่  CPF , HANA , PTTEP, BEMและ TISCO ครับ… สนใจขอคำปรึกษาการลงทุนติดต่อ KTBST ได้ที่ 02 648 1777 ครับ            

ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

ชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

www.mitihoon.com