เปิดทำการปีจอ หุ้นไทยระเบิดเถิดเทิง จนนักลงทุนจำนวนมาก “ตาค้าง” ไม่เชื่อว่า กระทิงจะมาเร็วขนาดนั้น ดัชนีทำนิวไฮต่อเนื่อง ทุบทุกสถิติ และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แตะระดับสูงสุด 1,813.17 จุด
แต่ที่ประหวั่นพรั่นพรึงกันมาก คือ “การแข็งค่าของเงินบาท” ที่ล่าสุดแข็งค่าขึ้นมาอยู่แถวๆ 32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY ระบุว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง จากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ คาดมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.00-32.30 ต่อดอลลาร์สหรัฐ
“คู่พระเอก” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเวลานี้ มาจาก “การส่งออก” และ “การท่องเที่ยว” ที่มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง ซึ่งปี 2561 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัว 5% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยจะมี 37-37.5 ล้านคน
แต่ที่น่าจับตา “ฟันเฟือง” ที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2561 นั่นคือ “เม็ดเงิน” ประมาณ 5-7 แสนล้านบาท
ถามว่า มาจากไหน?
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แจกแจงว่า
ส่วนแรก ประมาณ 1-2 แสนล้านบาท มาจากรายได้จากภาคการส่งออก ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนที่สอง ประมาณ 1 แสนล้านบาท มาจากภาคการท่องเที่ยวที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนที่สาม จากเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจฐานราก ทั้งมาตรการบัตรสวัสดิการคนจนเฟส 1 และ 2 และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาท
ส่วนที่สี่ เงินลงทุนจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อีก 1-1.5 แสนล้านบาท
ส่วนที่ห้า เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ราว 2-3 แสนล้านบาท
ส่วนที่หก เม็ดเงินลงทุนของภาคเอกชนที่จะตามมาจากการลงทุนอีอีซี อีก 5 หมื่น – 1 แสนล้านบาท
รวม 5-7 แสนล้านบาท มีผลดันจีดีพีขึ้น 2-3%
โดยหอการค้าไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 61 จะขยายตัวที่ 4% ครึ่งปีแรกขยายตัว 4.5% และครึ่งปีหลังอยู่ที่ 4.2% ส่งผลให้ทั้งปีนี้ขยายตัวในกรอบ 4.2-4.5% และมีโอกาสเป็นไปได้แตะระดับ 5%
ดูเหมือนจะสดใสไปหมด
00 “บิ๊กเซ็ต” 00