ตามที่ปรากฏข่าวว่ามีผู้ไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้มีการระงับการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) (SISB) นั้น ก.ล.ต. พร้อมที่จะให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของศาล
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอเรียนว่า ก่อนการพิจารณาอนุญาต IPO ก.ล.ต. ได้มีการหารือและส่งหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลและกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการศึกษาของโรงเรียนเอกชน (lead regulator) ว่าSISB สามารถดำเนินการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ได้หรือไม่ และในวันที่ 24 ตุลาคม 2561 สช. มีหนังสือตอบ ก.ล.ต. ว่า ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ไม่มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดในการดำเนินการดังกล่าว อีกทั้งในการหารือ สช. ก็มิได้เคยปรากฏว่า สช. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการที่ SISB จะออกและเสนอขายหลักทรัพย์แต่อย่างใด
ดังนั้น เมื่อ ก.ล.ต. ได้พิจารณาคุณสมบัติและพิจารณาการเปิดเผยข้อมูลของ SISB ตามกฎเกณฑ์ภายใต้ พรบ. หลักทรัพย์ฯ แล้ว พบว่า SISB มีคุณสมบัติตามที่กำหนด จึงไม่มีเหตุที่ ก.ล.ต. จะปฏิเสธคำขอของ SISB ได้ ก.ล.ต. จึงได้มีคำสั่งอนุญาตไปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน2561 และต่อมา SISB ได้เสนอขายหลักทรัพย์เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
ทั้งนี้ แนวทางในการพิจารณา IPO ของ ก.ล.ต. นั้น จะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอระดมทุนตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเน้นความโปร่งใสและดูแลให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่เพียงพอต่อผู้ลงทุน ซึ่งในกรณีที่มีข้อสังเกตว่า สถาบันการศึกษาไม่ควรมุ่งหวังผลกำไรเป็นหลักนั้น ก.ล.ต. ได้มีการสอบถามประเด็นดังกล่าว ซึ่ง SISB ได้ชี้แจงและเปิดเผยในหนังสือชี้ชวนว่า SISB มีวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการพัฒนาการศึกษาและยกระดับมาตรฐานการศึกษาในประเทศไทยให้ทัดเทียมกับระดับสากล โดยไม่ได้มุ่งแสวงหาผลกำไรสูงสุด และมีการระบุถึงบทบัญญัติของ พรบ. โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ซึ่งกำหนดอำนาจของ สช. ว่า ในกรณีที่เห็นว่าค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นที่โรงเรียนกำหนดมีลักษณะเป็นการแสวงหากำไรเกินควร หรือเป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร สช. มีอำนาจสั่งให้ลดลงตามที่เห็นสมควรได้
www.mitihoon.com